การปรับปรุงนี้จะทำให้ Stock Futures ที่อ้างอิงกับหลักทรัพย์ขนาดเล็กที่มีจำนวนหุ้นจำนวนมากสามารถมีการถือครองสูงสุดได้เพิ่มขึ้น เช่น BTS Futures จากเดิมที่ผู้ลงทุนสามารถถือครองได้สูงสุดไม่เกิน 20,000 สัญญา ก็จะเพิ่มเป็น 108,300 สัญญา
ที่ผ่านมา TFEX ได้รับข้อคิดเห็นจากบริษัทหลักทรัพย์และผู้ลงทุนในการปรับปรุงหลักการคำนวณจำนวน Position limit เพื่อให้สามารถสะท้อนกับขนาดและจำนวนหุ้นของหลักทรัพย์อ้างอิงที่มีความแตกต่างกัน ในการกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ครั้งนี้ จึงเป็นการกำหนดตามอัตราส่วนของจำนวนหุ้นที่ได้ออกจำหน่ายแล้วของแต่ละหลักทรัพย์ที่นำมาใช้อ้างอิงของ Stock Futures ซึ่งหลักการนี้มีใช้ในประเทศเกาหลี ไต้หวัน และอินเดีย ซึ่งจะทำให้ Position limit สะท้อนขนาดของแต่ละหุ้นอ้างอิงมากยิ่งขึ้น และจะทำให้ผู้ลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จาก Stock Futures ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
TFEX จะประกาศจำนวน Position limit ของ Stock Futures ให้กับผู้ลงทุนทราบทุกๆ 6 เดือน เพื่อใช้ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.—มิ.ย.) และครึ่งปีหลังของปี (ก.ค.—ธ.ค.) โดยในระหว่างงวด 6 เดือนนี้ หากหลักทรัพย์ที่เป็นหุ้นอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนที่ได้จำหน่ายแล้วอย่างมีนัยสำคัญมากกว่า 10% TFEX ก็จะประกาศปรับปรุง Position Limit ของหุ้นอ้างอิงนั้นๆ เพิ่มเติม ในกรณีที่มีผู้ลงทุนที่ถือ Stock Futures อยู่ก่อนแล้ว และมีจำนวนถือครองเกินที่ประกาศใหม่ ก็จะอนุญาตให้ผู้ลงทุนนั้นถือสัญญาเดิมไปจนกว่าจะครบกำหนดอายุ แต่จะไม่สามารถเพิ่มสถานะใหม่ได้ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดกับผู้ลงทุนให้น้อยที่สุด ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบจำนวนถือครองสูงสุดของ Stock Futures ได้กับโบรกเกอร์ที่ใช้บริการ หรือทางเว็บไซต์ www.TFEX.co.th
นางเกษรา กล่าวว่า Stock Futures ในสัปดาห์แรกของปี 56 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 24,251 สัญญา เทียบกับในปี 55 ที่มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 8,849 สัญญา หรือคิดเป็นการเติบโต 174% โดย Stock Futures ที่ได้รับความนิยมซื้อขายจากผู้ลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรกในสัปดาห์แรกของปี 56 อ้างอิงกับหลักทรัพย์ ธนาคารทหารไทย (TMB) บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ธนาคารกรุงไทย (KTB) บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) และ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) ตามลำดับ