นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้ง(BTS) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาหุ้น BTS ที่ปรับตัวลงไปสวนดัชนีตลาดนั้น คาดว่าเกิดจากความกังวลของนักลงทุนที่วันนี้นายสุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ว่า กทม.ได้ต่ออายุสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรมว.มหาดไทยตามประกาศคณะปฎิวัติฉบับที่ 58
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่ากทม.ไม่ได้ต่ออายุสัญญาสัมปทาน แต่กทม.ได้ว่าจ้าง BTS เดินรถเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส ในเส้นทางดังกล่าว เป็นเวลา 13 ปีที่หลังจากหมดอายุสัญญาสัมปทาน ซึ่งปัจจุบัน BTS ได้รับจ้างเดินรถให้กับกทม.ในส่วนต่อขยายช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และ ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียยนใหญ่ อยู่แล้ว
ส่วนการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF มูลค่าประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท ไม่ได้รับผลกระทบ จากคดีฟ้องร้องดังกล่าว เพราะกองทุนนี้จะนำรายได้ค่าโดยสารในอนาคตที่อายุสัญญสัมปทานเหลืออยู่ 17 ปี(สิ้นสุด 4 ธ.ค.72)ของบมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(BTSC) (บ.ย่อยที่ถือหุ้นสัดส่วน 97.46%)จากการเดินรถไฟฟ้าสายหลัก คือสายสุขุมวิทและสายสีลม ระยะทางรวม 23.5 กม.
โดยจะมีการให้ข้อมูลหรือจัดโรดโชว์ให้กับนักลงทุนในประเทศทุกภาคเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. นี้ หลังจากเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศเสร็จแล้ว และคาดว่าจะสามารถกำหนดราคาขาย และ เสนอขายครั้งแรกประมาณต้นเดือนก.พ. 56
"ที่เป็นเรื่องวันนี้ที่มีการฟ้องร้อง ไม่ได้เกี่ยวกับการตั้งกองทุน เพราะกองทุนนี้ใช้รายได้จากสัมปทาน 17 ปี 23.5 กม. ซึ่งเป็นรายได้ของเรา แต่ที่ว่าจ้างเดินรถไม่มีรายได้จากตั๋วโดยสาร...คือรถไฟฟ้าบีทีเอสเป็นโครงการที่สัมผัสได้ของประชาชนก็อาจจะ sensitive "นายคีรี กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวดปี 55/56 (สิ้นสุดมี.ค.56) นายคีรี คาดว่า รายได้รวมจะทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 15% เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสาร 7 แสนเที่ยว/วัน