ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 61.66 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 13,390.51 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.87 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 1,461.02 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 14 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 3,105.81 จุด
นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ หลังจากที่อัลโคได้เปิดเผยยอดขายไตรมาส 4 ที่สูงกว่าคาดการณ์
ทั้งนี้ แม้ว่ายอดขายของอัลโคลดลงสู่ระดับ 5.9 พันล้านดอลลาร์ จาก 5.99 พันล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 5.6 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 242 ล้านดอลลาร์ หรือ 21 เซนต์/หุ้น เทียบกับที่ขาดทุน 191 ล้านดอลลาร์ หรือ 18 เซนต์/หุ้นในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ อัลโคคาดการณ์ว่า ความต้องการโลหะอลูมิเนียมทั่วโลกจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ขณะที่ความต้องการในประเทศจีนจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง และอุตสาหกรรมการก่อสร้างในอเมริกาเหนือจะมีบทบทสำคัญที่ทำให้ความต้องการโลหะอลูมิเนียมแข็งแกร่งขึ้นด้วย
หุ้นอัลโค ปรับตัวลง 0.2% หลังจากที่ทะยานขึ้น 2.5% ในระหว่างวัน ขณะที่หุ้นซีเกท เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 6.6% หุ้นมาสเตอร์การ์ด พุ่งขึ้น 2.8%
ส่วนหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 3.52% หลังจากบริษัทได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับนวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีที่ใช้ในเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลน์เนอร์ ภายหลังจากมีรายงานว่า เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ของเจแปน แอร์ไลน์ ต้องยกเลิกเที่ยวบินหลังจากเกิดเหตุเชื้อเพลิงรั่ว
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ฤดูรายงานผลประกอบการของสหรัฐเปิดตัวอย่างสดใส อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเมืองในสหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ม.ค.ในเวลา 20.30 น.วันนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ 365,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 372,000 ราย