ปริมาณการจราจาที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนับจากที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมในปี 54 ทำให้มีกำลังซื้อมากขึ้น มีการเดินทางเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีโครงการอสังหาริมทรัพย์และศูนย์การค้าต่างๆเกิดขึ้นมาก อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากนโยบายรถคันแรกในช่วงครึ่งหลังปี 55
"รายได้ 11 เดือนของเราโตขึ้นมา 5.75% โตกว่าเป้าที่ตั้งไว้ ...เดือนมกราคมถึงพฤศจิการยนยอดสะสมปริมาณจราจรโตข้นมา 6.39%" นางสุทธิดา กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ส่วนแนวโน้มรายได้ในปี 56 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง จากผลของนโยบายรถคันแรก รวมทั้งคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการถือหุ้นบมจ.น้ำประปาไทย (TTW) เพิ่มเป็น 20.24% จาก 11%
นางสุทธิดา กล่าวว่า BECL เตรียมจะออกหุ้นกู้วงเงินอย่างน้อย 5 พันล้านบาทในปีนี้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบไถ่ถอน 5 ชุดรวม 5.1 พันล้านบาท ได้แก่ หุ้นกู้ที่ครบกำหนด 15 มี.ค.56 จำนวน 1 พันล้านบาท, 17 พ.ค. 56 จำนวน 1 พันล้านบาท, 3 มิ.ย. 56 จำนวน 1 พันล้านบาท, 11 ก.ย. 56 จำนวน 1 พันล้านบาท และ 7 พ.ย. 56 จำนวน 1.1 พันล้านบาท
สำหรับวงเงินลงทุนที่ใช้ในการลงทุนโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาทนั้น บริษัทได้ใช้เงินกู้ 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินกู้ 5,750 ล้านบาท ดอกเบี้ย MLR -2.525% และวงเงิน 4,250 ใช้ดอกเบี้ยเงินฝาก 6 เดือนบวก 2% ระยะเวลา 15 ปี โดยมีช่วงปลอดจ่ายเงินต้น 5 ปีแรก ส่วนหุ้นกู้ 1.5 หมื่นล้นบาท ยังไม่มีแผนออกเสนอขายเร็วๆนี้ โดยจะใช้ตามความก้าวหน้าของโครงการ
นอกจากนี้ บริษัทเห็นว่าแนวโน้มดอกเบี้ยในปี 56 น่าจะเป็นขาลง ก็อาจจะทำวอปอัตราดอกเบี้ยจะอัตราดอกเบี้ยคงที่ เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว
นางสุทธิดา กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 9-22 ม.ค.56 บริษัทจะไปโรดโชว์ต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ อังกฤษ และ นิวยอร์ก หลังจากมีโครงการลงทุนใหม่คือโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร โดยบริษัทไม่ได้ออกโรดโชว์มาหลายปีแล้ว