ตลท.เผยสัปดาห์แรกปี 56 ดัชนีสูงต่อเนื่อง-วอลุ่มทุบสถิติ, ปี 55 หุ้นกลาง-เล็กคึกคัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 10, 2013 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) กล่าวว่า ในสัปดาห์แรกของปี 56 การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET และตลาดหลักทรัพย์ mai ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมูลค่าการซื้อขายทำสถิติสูงสุด

ดัชนี SET และ mai สูงขึ้นต่อเนื่องจากปี 55 โดย SET Index เพิ่มขึ้น 1.78% และ mai Index เพิ่มขึ้น 1.35% มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหลักทรัพย์ SET อยู่ที่ 45,746 ล้านบาทสูงสุดรอบ 9 ปี และตลาดหลักทรัพย์ mai 1,664 ล้านบาทสูงสุดตั้งแต่จัดตั้ง โดยหุ้น SET50 มีสัดส่วนการซื้อขาย 51.35% ของยอดรวม กลุ่ม SET 51-100 24.06% กลุ่ม Non-SET 100 21.07% และ mai 3.52%

นายชนิตร กล่าวว่า ในช่วงปี 55 ที่ผ่านมา การซื้อขายหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งไม่รวมหุ้น IPO มีอัตราการเติบโตสูง โดยมีหุ้น 152 ตัวที่ทำสถิติราคาสูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียน ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ mai และหุ้นขนาดเล็กในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม อสังหาริมทรัพย์ การแพทย์ และสื่อและสิ่งพิมพ์

การซื้อขายและราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นสูง โดยเฉพาะในหุ้นขนาดเล็ก ทำให้ค่า P/E สูงขึ้นตาม การกระจายตัวค่า P/E ของหุ้นกลุ่ม Non-SET100 และ mai ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับเกิน 15 เท่า จากช่วงสิ้นปี 54 ที่อยู่ประมาณ 10 เท่า

สำหรับหุ้นในกลุ่ม Non-SET100 มีการซื้อขายรวม 942,240 ล้านบาท เติบโต 98.10% จากปีก่อนหน้า ด้านหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ mai มูลค่าซื้อขายโต 43.76% ซึ่งมูลค่าซื้อขายหุ้นกระจุกตัวในกลุ่ม SET50 ลดลง อยู่ประมาณ 65% จากแต่ก่อนไม่ต่ำกว่า 70% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด

นายชนิตร กล่าวว่า เงินลงทุนกระจายเข้าสู่หุ้น Non-SET50 มากขึ้นโดยเฉพาะหุ้นเล็กในกลุ่ม Non-SET100 และ mai โดยปี 55 สัดส่วนการซื้อขายหุ้นกลุ่ม Non-SET100 และ mai อยู่ที่ 18.12% และ 3.78% ของยอดรวม สูงสุดรอบ 5 ปี และ เฉพาะในเดือนธันวาคม การซื้อขายหุ้นของ 2 กลุ่มนี้มีสัดส่วนสูงถึง 32.20% (Non-SET100 24.40% และ mai 7.80%) หรือประมาณ 1 ใน 3 ของยอดการซื้อขายรวม

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรายหลักทรัพย์ปี 55 พบหุ้นกว่า 46% ในกลุ่ม Non-SET100 และ mai มีมูลค่าซื้อขายโตจากปี 54 เกิน 100% ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ (SET50) และหุ้นขนาดกลาง (SET51-100) อยู่ที่ 16-18% ส่วนภาพรวมราคาหุ้นในตลาด mai เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยสูงสุดที่ 74.90% ตามด้วยหุ้นกลุ่ม SET51-100 ที่ 64.66% Non-SET100 ที่ 56.96% และ SET50 ที่ 42.02%

หากรวมหุ้นเล็กเข้าด้วยกันจะมีราคาเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 59.86% สูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ และใกล้เคียงกับหุ้นขนาดกลาง ส่วนหุ้นราคาต่ำกว่า 1 บาท สิ้นปี 55 มีจำนวน 47 หลักทรัพย์ ลดลงจากปี 54 ที่ 77 หลักทรัพย์ หรือลดลง 38.96% จำนวนที่ลดลงส่วนใหญ่เกิดจากหุ้นเล็กที่ราคาต่ำกว่า 1 บาทมีจำนวนลดลง

"เงินลงทุนไหลเข้าสู่หุ้นขนาดเล็กทั้งที่มีและไม่มีพื้นฐานรองรับ หุ้นที่มีพื้นฐานรองรับ นักลงทุนต้องประเมินมูลค่ากิจการและเปรียบเทียบกับค่า P/E ที่สูงขึ้นพร้อมวิเคราะห์ว่าราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้วหรือยังและคุ้มกับการลงทุนหรือไม่ สำหรับหุ้นที่ไม่มีพื้นฐานรองรับหรือหุ้นเก็งกำไร นักลงทุนต้องตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาสังเกตเห็นมีหุ้นของบจ.หลายแห่งที่ยังมีผลประกอบการขาดทุนแต่กลับมีการซื้อขายและราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 100%" นายชนิตรกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ