บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ ดำเนินธุรกิจใน 4 กลุ่มหลัก โดยมี 2 ธุรกิจดำเนินการภายใต้การบริหารงานโดยตรง ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมด้านระบบบำบัดน้ำเสียและระบบสำรองน้ำ และกลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง และอุตสาหกรรม
ขณะที่อีก 2 กลุ่มธุรกิจจะดำเนินการโดยบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติในการประหยัดพลังงาน ดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ โฮม แอพพลายแอนซ์ จำกัด (PHA)และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ดำเนินการโดย บริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด (IGC) ซึ่งธุรกิจทั้งหมดเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน ซึ่งถือเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่อยู่ในความสนใจของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับ การดูแลโลกและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ธุรกิจจึงมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายสุรเดช บุณยวัฒน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีเมียร์ โพรดักส์ กล่าวว่า ปัจจุบันถือว่าบริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการดำเนินธุรกิจ โดยธุรกิจระบบบำบัดน้ำเสียและระบบสำรองน้ำของบริษัทฯ ถือเป็นผู้นำในตลาดที่ใช้ในอาคาร โดยบริษัทฯได้รับเลือกให้เป็นผู้ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียในอาคารขนาดใหญ่ชั้นนำมากมาย อาทิ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร สนามกีฬาบางกอกฟุตซอล อารีน่า รวมทั้ง สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงค์ มักกะสัน และอาคารที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่
ขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรม ปัจจุบันถือเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากซีเมนต์เสริมใยแก้ว และผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์กลาสเสริมแรง โดยได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสถาปนิกในวงกว้างไว้วางใจใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในโครงการสำคัญมากมายหลายโครงการไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ผลิตจากซีเมนต์เสริมใยแก้ว (Glass Reinforced Cement: GRC) ได้แก่ การทำผนังกันเสียงให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีแดง สะพานพระราม 8 สะพานพระราม 4 ถนนรามคำแหง และผลิตภัณฑ์หลังคาและผนังเหล็กขึ้นรูป ซึ่งใช้ติดตั้งหลังคาของศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คลังเก็บสินค้าของ บมจ. ท่าอากาศไทย ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในธุรกิจและการยอมรับจากกลุ่มผู้ประกอบการเป็นอย่างดี
“โครงการขนาดใหญ่และสำคัญมากมายใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและการยอมรับของตลาดในประเทศไทยอย่างแท้จริง ประการสำคัญผลิตภัณฑ์ของเราล้วนเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคต และเป็นเทรนด์ที่ทุกคนให้การยอมรับและให้ความสำคัญนั่นหมายถึงโอกาสการเติบโตที่ชัดเจนและโดดเด่นอย่างแท้จริง"
สำหรับธุรกิจในกลุ่มพลังงานทดแทน ด้านไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด (IGC) มีทั้งหมด 3 โครงการโครงการละประมาณ 5 MW รวม 15 MW ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยโครงการแรกได้เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว และ PPP เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการที่ 2 และ 3 เพิ่มเติมได้ภายในไตรมาส 1/56
ดังนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ และสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวต่อเนื่อง เช่นเดียวกับธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทประหยัดพลังงาน ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ โฮม แอพพลายแอนซ์ จำกัด (PHA) ในอนาคตมีทิศทางการเติบโตอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่รองรับกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่กำลังมาแรงทั้งในปัจจุบันและอนาคต
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งของ PHA โดยนำสินค้าประเภทประหยัดพลังงานอื่นๆ เช่น หลอดไฟฟ้าประหยัดพลังงาน อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน อุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่กับแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้ตามบ้าน (Solar Roof Top) เข้ามาจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าพันธมิตรที่มีอยู่ประมาณ 500 แห่งทั่วประเทศได้อีกด้วย และในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตก้าวอย่างกระโดดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาได้ทั้งกลุ่มธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน
อนึ่ง บมจ. พรีเมียร์ โพรดักส์ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท แบ่งเป็นทุนชำระแล้ว 217.50 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือ 82.50 ล้านหุ้นได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้น IPO เพื่อนำมาลงทุนเพิ่มในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตในอนาคต