บริษัทยังคงวางเป้าหมายในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)โดยล่าสุด บริษัทได้เข้าซื้อกิจการในเวียดนาม คาดว่าจะสามารถชำระเงินและเสร็จสิ้นกระบวนการภายในไตรมาส 1-2/56 ขณะที่การลงทุนตั้งโรงปูนซิเมนต์ในพม่า รอเพียงการอนุมัติจากรัฐบาลเพื่อให้เปิดดำเนินการได้
นายกานต์ กล่าวว่า ขณะนี้มี Investment Bank ยื่นข้อเสนอให้บริษัทพิจารณาเข้าไปซื้อกิจการในยุโรปหลายแห่ง ซึ่งเป็นบริษัทที่มีแบรนด์ที่ดี โดยเป็นกิจการในวัสดุก่อสร้างและเคมีคอล ความน่าสนใจลงทุนอยู่ที่ราคาซื้อกิจการถูกมาก
สำหรับแนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีในขณะนี้ นายกานต์ มองว่าราคาปิโตรเคมีปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังผ่านเดือนก.พ.56 ไปแล้วน่าจะเห็นทิศทางขาขึ้นชัดเจน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาปิโตรเคมีดีขึ้นมาแล้ว แต่อาจจะอ่อนตัวลงบ้างก่อนเทศกาลตรุษจีน หลังจากนั้นก็คงจะดีขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากความต้องการในภูมิภาคยังมีต่อเนื่องทั้งปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง รวมถึงกระดาษ
ปัจจัยสำคัญของการเติบโตของธุรกิจปิโตรเคมี คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจ ในปีนี้มองว่าเศรษฐกิจของอาเชียนจะเติบโตได้ดีขึ้น โดยเศรษฐกิจของเวียดนามจะขยายตัวดีขึ้นจาก 5% ในปี 55 มาเป็นอัตราเฉลี่ย 7% ในปี 57-58 ขณะที่เศรษฐกิจอินโดนีเซียคาดว่าปีนี้จะขยายตัว 6.4% จาก 6.3% ในปี 55
"อาเซียนยังได้ OK, Infrasrtucture เป็นบวก ในส่วนเอสซีจีเราก็โฟกัสขยายการลงทุน ขยายงานในกลุ่มอาเซียน ทั้งเวียดนาม อินโดฯ มาเลย์ พม่า ทั้งการลงทุน ขยายงาน ซื้อกิจการ งบลงทุนปีนี้ก็น่าจะใช้เยอะ"นายกานต์ กล่าว