(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นแกว่งตัวไซด์เวย์ขึ้นตามแรงซื้ออสังหาฯ-แบงก์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 15, 2013 09:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯ มองแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบ 1,430-1,433 จุด รอลุ้นแรงซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาฯ-แบงก์หนุน แต่เมื่อชนแนวต้านก็อาจมีแรงขายทำกำไรออกมา ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวทั้งบวกและลบตามปัจจัยภายในแต่ละประเทศ

นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่วว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสแกว่งตัวไซด์เวย์และปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยปัจจัยที่จะทำให้ดัชนีสามารถขึ้นไปถึง 1,430-1,433 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านในขณะนี้น่าจะมาจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และแบงก์ ส่วนแนวรับวันนี้อยู่ที่ 1,415-1,420 จุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อดัชนีขึ้นไปถึงระดับแนวต้านแล้วก็อาจมีแรงขายออกมา โดยเฉพาะในหุ่นกลุ่มอสังหาฯที่มีราคาสูงขึ้น และกลุ่มแบงก์ก็อาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ดัชนีเคลื่อนไหวทั้งบวก/ลบสลับกัน ปัจจัยที่ส่งผลกระทบส่วนใหญ่เป็นประเด็นภายในประเทศ

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(14 ม.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,507.32 จุด เพิ่มขึ้น 18.89 จุด(+0.14%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,470.68 จุด ลดลง 1.37 จุด(-0.09%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,117.50 จุด ลดลง 8.13 จุด(-0.26%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 113.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 24.79 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 0.46 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.10 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.26 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ 1.20 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(14 ม.ค.)1,425.07 จุด เพิ่มขึ้น 13.01 จุด(+0.92%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,001.35 ล้านบาท เมื่อ 14 ม.ค.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้(14 ม.ค.)ที่ 94.14 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.58 ดอลลลาร์หรือ 0.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(14 ม.ค.) ปิดที่ 6.6 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 30.15/17 จับตาทุนไหลเข้า
  • ธปท.เตรียมปรับเกณฑ์ คุมปล่อยกู้รายใหญ่หวั่นมีปัญหากระทบฐานะแบงก์พาณิชย์ ซ้ำรอยวิกฤติเศรษฐกิจ พุ่งเป้ากลุ่มบริษัทที่ธุรกิจในเครือไม่ได้มีความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน เตือนแบงก์พาณิชย์ลดสะสมความเสี่ยง ขณะที่ตลาดอสังหาฯ ไม่น่าห่วงฟองสบู่ แต่ยังติดตามใกล้ชิด
  • เตือนรับมือเงินบาทแข็งค่าไม่หยุด เหตุยักษ์เศรษฐกิจโลกใช้นโยบายค่าเงินอ่อน, ความพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยทั้งหมดชูนโยบายค่าเงินอ่อน ล่าสุด นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้กดดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ขยายเพดานเงินเฟ้อจาก 1% ไปเป็น 2% ขณะเดียวกันยังมีรายงานว่าญี่ปุ่นมีแผนจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอีกล็อตใหญ่ เพื่อกดดันให้เงินเยนอ่อนค่าลงอีกอย่างต่อเนื่องด้วย
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ว่า มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายปรับขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศของรัฐบาลที่ออกมายังไม่ตรงกับความต้องการและเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุด
  • ก.ล.ต.เปิดแผนงานปี 2556 เน้น 4 ยุทธศาสตร์ มุ่งสร้างนักลงทุนคุณภาพปีละ 7-8 หมื่นราย เล็งออกเกณฑ์ตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่มีนโยบายลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง หวังให้นักลงทุนได้ประโยชน์จากการเติบโตของภูมิภาคนี้ พร้อมตั้งเกณฑ์กลางรับการออกตราสารใหม่ชี้ชัดบีทีเอสโฆษณาขายกองทุน6หมื่นล้านไม่ขัดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ ขณะที่สมาคมบลจ.ปลื้มกองทุนรวมปี55 โต 25.53% แตะ 2.61 ล้านล้านบาท คาดปีนี้โตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10% เชื่อแบงก์ไม่แข่งเงินฝาก
  • นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยหลังผู้บริหารสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสเข้าพบว่า ได้ชี้แจงสถานการณ์เศรษฐกิจและบรรยากาศการเมืองที่ดีของไทยให้มูดี้ส์ทราบ และหวังว่าความตั้งใจในการทำงานของรัฐบาลจะมีผลต่ออันดับความน่าเชื่อของไทยในอนาคต
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า เท่าที่ติดตามดูภาวะการขยายตัวในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ ยังไม่พบความผิดปกติ หรือความร้อนแรงจนเกินไป แม้ว่าในช่วงนี้จะมีการโครงการอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่อยู่จำนวนมากก็ตาม แต่ภาวะการเติบโตยังถือว่าปกติ ยังไม่มีอะไรน่าห่วง อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังจำเป็นต้องติดตามเรื่องนี้ต่อไป

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TMB (เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"เป้าใหม่ 2.30 บาท ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2556 ขึ้นเป็น 6,456 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.15 บาท จากที่ TMB เน้นปล่อยสินเชื่อ SME เพื่อเพิ่มผลตอบแทนสินเชื่อ และความประสบความสำเร็จในการดึงเงินฝากที่มีต้นทุนต่ำเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปี 2556 คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3% นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่ TMB จะจ่ายเงินปันผลได้เท่ากับปีก่อน
  • BEC, SAMART(เกียรนาคิน)"เก็งกำไร"เนื่องจากที่ประชุม กสท. มีมติเห็นชอบกับแนวทางการแจกคูปองเพื่อเป็นส่วนลดแก่ประชาชนในการนำไปซื้อโทรทัศน์ระบบดิจิตอลหรือกล่องรับสัญญาณดิจิตอล เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านโทรทัศน์ระบบอนาล็อกเป็นระบบดิจิตอลเกิดขึ้นได้รวดเร็วมากขึ้น เรามองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ BEC ผู้ซึ่งมีความสามารถในการทำช่องทีวีเพิ่มขึ้น และ SAMART ผู้ซึ่งมีความสามารถในการผลิต “Set-Top-Box" โดยเป้า BEC 73.20 บาท, เป้า SAMART 13.40 บาท
  • AP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 10.60 บาท ประเมินผลประกอบการ 4Q55 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q55 ที่ 638 ล้านบาท เติบโต +73% yoy และ +52% qoq รวมทั้ง ให้เงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปี 2555 (จ่ายปีละ 1 ครั้ง) หุ้นละ 0.29 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.2%
  • OFM(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 82 บาท เนื่องจากเป็นผู้นำกลุ่มค้าปลีกรายใหม่, มีแผนธุรกิจเชิงรุก, ธุรกิจออนไลน์เติบโตสูงในระยะกลางถึงระยะยาว และงบดุลแข็งแกร่ง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ