(เพิ่มเติม) LH เป้าปี 56 ยอดขาย 3 หมื่นลบ.รายได้ 2.5 หมื่นลบ.,ซื้ออสังหาฯให้เช่าในสหรัฐเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 15, 2013 12:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH) ตั้งเป้ากำไรปีนี้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ยอดขายปีนี้สูงขึ้นเป็น 3 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 2.5 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 24 โครงการทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด มูลค่าโครงการรวมกว่า 4.3 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งตั้งงบลงทุนในปีนี้ราว 1 หมื่นล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินใหม่รองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต รวมทั้งใช้ลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว

บริษัทมีแผนออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 6 พันล้านบาท โดยจะทยอยเสนอขาย 2 ล็อตในช่วงไตรมาส 1/56 และไตรมาส 3/56 รวมทั้งจะจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งบริษัทจะขายอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าให้เป็นสินทรัพย์ของกองทุน ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าสิ้นปี 56 สัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)จะอยู่ที่ไม่เกิน 90% จาก ณ สิ้นปี 55 อยู่ที่ประมาณ 81%

นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ LH กล่าวว่า ในปี 56 คาดว่ากำไรจะยังคงเติบโตเป็น 2 หลัก จากปี 55 ที่รายได้และกำไรเติบโตได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยปีนี้ตั้งเป้าทำรายได้ราว 2.5 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่น่าจะทะลุเป้า 2 หมื่นล้านบาท และบริษัทคาดว่าปีนี้จะมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.5% จากสิ้นปี 55 อยู่ที่ 33% เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงเหตุการณ์น้ำท่วม ประกอบกับไม่มีผลกระทบการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

แต่ในปีนี้บริษัทยังมีแรงกดดันจากค่าวัสดุก่อสร้างและค่ารับเหมาก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่ค่อนข้างตึงตัว โดยต้นทุนของคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นมาจากค่าที่ดินและค่ารับเหมาก่อสร้างโครงการ ทำให้ปีนี้บริษัทมีแผนจะมีการปรับขึ้นราคาขายโครงการประเภทคอนโดมิเนียมราว 5% ส่วนบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์อาจปรับขึ้นราคาราว 4-5% เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นไม่มากเท่าคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้จากค่าเช่าในปีนี้เติบโต 16% และกำไรจากบริษัทย่อยจะเติบโต 28%

ขณะนี้บริษัทจัดกลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่สามารถขายเป็นสินทรัพย์ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปีนี้ ได้แก่ ศูนย์การค้าเทอร์มินัล 21 , เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ 2 แห่ง คือ เซ็นเตอร์พอยท์ถนนวิทยุ และเซ็นเตอร์พอยท์ราชดำริ มูลค่าโครงการทั้งหมดรวม 9.9 พันล้านบาท แต่มูลค่าตามราคาตลาดน่าจะสูงกว่านี้ เพราะเป็นโครงการที่อยู่ในทำเลที่ดี โดยการพิจารณาขายเข้ากองทุนอาจจะดำเนินการบางโครงการ หรือทั้ง 3 โครงการ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมทั้งภาวะตลาดและผลตอบแทนที่จะได้รับ

ส่วนโครงการลงทุนในต่างประเทศปีนี้ตั้งงบลงทุน 1 พันล้านบาทเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา หลังจากซื้อโครงการอพาร์ทเม้นท์เซอร์วิสไปแล้ว 1 แห่งราว 11 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนที่ 15% ซึ่งในปีนี้จะซื้ออีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 5000 ล้านบาท ช่วงครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังช่วงจะ 1 โครงการ

นายอดิศร กล่าวว่า ทำเลของโครงการทั้ง 2 แห่งในสหรัฐถือว่ามีการจ้างงานมาก และมีความต้องการที่พักอาศัยจากพนักงานบริษัทไอที จึงช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุน ประกอบกับ ขณะนี้ความเสี่ยงการลงทุนในสหรัฐมีไม่มาก ราคาอสังหาริมทรัพย์ในทำเลดังกล่าวค่อนข้างทรงตัวแล้ว จึงเป็นโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ การลงทุนช่วงแรกอาจได้กำไรไม่มาก แต่ผลตอบแทนน่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต

นอกจากนั้น งบลงทุนที่ตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ส่วนหนึ่งราว 2 พันล้านบาทจะนำไปซื้อที่ดินเพื่อเตรียมพัฒนาเป็นศูนย์การค้าอีก 1 แห่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่สนใจที่จะขยายการลงทุนในตลาดอาเซียน เนื่องจากตลาดในประเทศยังมีความต้องการสูง

นายอดิศร กล่าวว่า แผนออกหุ้นกู้ในปีนี้คาดว่าจะมีวงเงินราว 6-7 พันล้านบาท โดยหุ้นกู้ล็อตแรกวงเงินประมาณ 3-3.5 พันล้านบาท อายุ 3 ปี จะเสนอขายในเดือน มี.ค.56 ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของหุ้นกู้อายุ 3 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 2.9% ดังนั้น ต้นทุนดอกเบี้ยของบริษัทก็คงจะสูงกว่าระดับดังกล่าวเล็กน้อย ขณะที่ปีนี้บริษัทจะมีหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดไถ่ถอนราว 5 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ