โดยปริมาณการซื้อขายของ Stock Futures ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ Stock Futures ที่อ้างอิงกับหลักทรัพย์ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) 58,182 สัญญา (72.56%), ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) 6,024 สัญญา (7.51%), ธนาคารทหารไทย (TMB) 4,058 สัญญา (5.06%), อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) 4,014 สัญญา (5.01%) และ ธนาคารกรุงไทย (KTB) 3,625 สัญญา (4.52%) ตามลำดับ
ปัจจุบัน TFEX มี Stock Futures ที่อ้างอิงกับหุ้น 30 หุ้น ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่มดัชนี SET50 ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยแต่ละสัญญานั้นจะมีค่าเท่ากับการซื้อขายหุ้น 1,000 หุ้น และในแต่ละขณะจะมี 4 อายุสัญญาที่สิ้นสุดทุกๆ เดือนไตรมาสให้เลือกซื้อขาย
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา TFEX ได้ปรับปรุงวิธีการกำหนด Position Limit ให้แปรผันตามปริมาณหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของหุ้นที่นำมาใช้อ้างอิง ทำให้ Position Limit ที่แต่ละลูกค้าสามารถถือครองได้เปลี่ยนจากอัตราที่เท่ากันที่ 20,000 สัญญาสำหรับทุกๆ หุ้นอ้างอิง เป็นจำนวนสัญญาที่ผันแปรไปตามขนาดของหุ้นอ้างอิงนั้นๆ โดยมีจำนวนระหว่าง 20,000—435,500 สัญญา ซึ่งการปรับปรุงนี้ทำให้ผู้ลงทุนสามารถใช้ Stock Futures บริหารพอร์ตลงทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากสามารถถือครอง Stock Futures ได้ตามขนาดของหุ้นอ้างอิงดังกล่าวได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่กังวลในเรื่องสภาพคล่องของ Stock Futures บางสัญญานั้น สามารถติดต่อกับโบรกเกอร์เพื่อใช้ช่องทางการซื้อขายแบบ Block Trade ในการส่งคำสั่งการซื้อขายในกรณีที่มากกว่า 100 สัญญาขึ้นไป ซึ่งที่ผ่านมามีบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งที่ให้บริการเป็นคู่สัญญาให้กับผู้ลงทุน เช่น บล. ภัทร บล.เคจีไอ และ บล. เคที ซีมิโก้