ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กยอดค้าปลีกสหรัฐสดใส หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 27.57 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 16, 2013 06:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิล และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 27.57 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 13,534.89 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.66 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 1,472.34 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 6.72 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 3,110.78 จุด

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงเนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับเพดานหนี้สหรัฐส่งผลให้บรรยากาศมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยล่าสุดมีรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เรียกร้องให้สภาคองเกรสปรับเพิ่มเพดานหนี้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

ขณะที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กดดันให้สภาคองเกรสเพิ่มเพดานการกู้ยืมของประเทศเพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ออกรายงานเตือนว่า อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของสหรัฐ หากรัฐบาลกลางสหรัฐและสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังเผชิญปัจจัยลบ หลังจากเฟดสาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนม.ค.ร่วงลงแตะ -7.78 จาก -7.30 ในเดือนธ.ค. โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 0 บ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตในนิวยอร์กยังคงอยู่ในภาวะหดตัวในช่วงเริ่มต้นปี 2556

อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.5% แตะระดับ 4.1570 แสนล้านดอลลาร์ แม้ว่าสหรัฐยังคงเผชิญปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเกี่ยวกับนโยบายปรับเพิ่มภาษีและลดรายจ่าย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดค้าปลีกจะขยับขึ้น 0.2% ในเดือนสุดท้ายของปี 2555 หุ้นแอปเปิลร่วงลง 3.15% จากรายงานข่าวที่ว่าบริษัทจะลดยอดสั่งซื้อชิ้นส่วนประกอบไอโฟน 5 จากซัพพลายเออร์ ด้านฮิวเลตต์-แพคการ์ดบวก 2.2% หลังบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 2.74% และหุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ดิ่งลงราว 2.4% นักลงทุนรอดูการรายงานงบการเงินของบริษัทต่างๆ โดยในสัปดาห์นี้ตลาดจับตาผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ ได้แก่ แบงก์ ออฟ อเมริกา, เจพี มอร์แกน เชส และซีตี้กรุ๊ป หลังจากที่ในสัปดาห์ที่แล้ว เวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐ ได้เปิดเผยงบการเงินไตรมาส 4 เป็นรายแรกในภาคธนาคาร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ