KGI กางแผนงาน"ปีแห่งอนุพันธ์",ออก Structured Note ครอบคลุม 7 มุมมอง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 16, 2013 09:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยแผนงานปี 56 ซึ่งเป็น “ปีแห่งอนุพันธ์" โดยใช้กลยุทธ์ที่เน้นคุณภาพของผลิตภัณฑ์มากกว่าจำนวนผลิตภัณฑ์

KGI จะมีการเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์ระยะสั้น(Structured Note) อ้างอิงกับราคาหุ้นใน SET50 และดัชนีหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถครอบคลุมทุกมุมมอง ทุกสภาวะตลาด ไม่ว่าขึ้นหรือลง และมีความผันผวนหรือไม่ผันผวน ทั้งหมด 7 มุมมอง

มุมมองแรก Equity Linked Note เป็นมุมมองที่นักลงทุนมองว่าราคาหุ้นในตลาดจะมีลักษณะ side way up, มุมมองที่สอง Reverse Equity Linked Note เป็นมุมมองที่นักลงทุนมองตรงข้ามกับมุมมองแรก โดยมีลักษณะ side way down, มุมมองที่สาม Range ELN เป็นมุมมองที่นักลงทุนคาดการณ์ช่วงราคาในตลาดในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าว่าตลาดจะมีลักษณะเป็นอย่างไร โดยนักลงทุนสามารถกำหนดช่วงราคาแคบและกว้างได้

มุมมองที่สี่ Double Yield ELN เป็นมุมมองที่นักลงทุนมองแบบมุมมองที่หนึ่งและสอง มองหุ้น side way ในกรอบแคบ โดยผลตอบแทนต่อปีเป็นเงิน 70% ของเงินลงทุน โดยหุ้นมีความผันผวน 40%, มุมมองที่ห้า Twin-Win เป็นมุมมองที่นักลงทุนมองหุ้นในตลาดมีการขึ้นหรือลงแรงๆ, มุมมองที่หก All-Win คล้ายมุมมองแบบแรก แต่ดูการ side way up ของหุ้นหลายๆตัว มุมมองแบบที่เจ็ด Stock Accumulator เป็นมุมมองที่นักลงทุนทยอยซื้อหุ้นในราคาที่ถูกกว่าตลาด

ส่วนผลตอบแทนทั้ง 7 มุมมองนั้นให้ผลตอบแทนที่เป็นรูปแบบดอกเบี้ยและหุ้น อย่างเช่นมุมมองที่ 2, 3, 4, 5 จะให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย ส่วนมุมมองที่ 1, 6, 7 รับผลตอบแทนในรูปแบบหุ้น และมีโอกาสที่เงินต้นสามารถหายได้ หากนักลงทุนคาดเดาผิด

การลงทุนในหุ้นกู้อนุพันธ์ระยะสั้นนั้นมีหลักเกณฑ์จะเน้นลูกค้าที่มีฐานใหญ่ โดยมีสินทรัพย์ขั้นต่ำ 40 ล้านบาทขึ้นไป และเสนอขายขั้นต่ำอยู่ที่ 5 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นที่ลูกค้าสถาบันและลุกค้ารายใหญ่

ด้านใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์(Derivative Warrant) ตั้งเป้าหมายในปี 56 ออก DW 105 รุ่น อ้างอิง SET100 , ดัชนีหลักทรัพย์ใหม่ และETF เพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงของนักลงทุนที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้หากมีการคาดเดาที่ผิดพลาด รวมทั้งเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 30% โดยมีวอลุ่มของตลาดทั้งหมดอยู่ที่ 800 ล้านบาท/วัน จากปี 55 อยู่ที่ 10% จากวอลุ่มของตลาด 300-500 ล้านบาท/วัน ซึ่งตอนนี้เป็นรอง บล.บัวหลวง ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า

นายเจนวิทย์ กล่าวว่า ภาพรวมของ DW ในประเทศไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก เนื่องจาก KGI มีการทำ Market Maker มีการปรับ Bid Offer ในแคบลงเพื่อให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้สะดวกขึ้น แต่เมื่อเทียบกับตลาด DW ในฮ่องกงและไต้หวั่นแล้ว การซื้อขาย DW ในไทยคิดเป็น 10-20% เท่านั้น เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้น ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปีจะสามารถเทียบกับตลาดของต่างประเทศที่มีมูลค่ามหาศาลได้

KGI ยังเตรียมออก ETF ตัวใหม่ ร่วมกับ บลจ.วรรณ ในไตรมาส 1/56 อีกทั้งยังเน้นขยายขนาดของกองทุนและมูลค่าการซื้อขายของ ETF ในแต่ละวันซึ่งต่างจากกลยุทธ์ที่ผ่านมา โดยดูที่ TDEX ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในเดือน ธ.ค.55 ประมาณ 52 ล้านบาท/วัน หรือเติบโตประมาณ 7 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 55 และขนาดของกองทุนที่เพิ่มจาก 2,300 ล้านบาทในช่วงต้นปี 55 เป็นเกือบ 6,000 ล้านบาทในช่วงเดือน ธ.ค.55


แท็ก เคจีไอ   set50   KGI   SET  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ