สำหรับผลตอบแทนของหุ้นกู้ดังกล่าว คือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ เท่ากับ 4.99% ตลอดอายุหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือนและกำหนดวงเงินจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณของ 100,000 บาท โดยจะเสนอขายในวันที่ 21 - 23 มกราคม 2556 นี้
"บริษัทฯ ตัดสินใจให้มีการออกหุ้นกู้เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจที่เติบโตขึ้น อันเป็นผลจากความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จนส่งผลให้ลูกค้าให้การตอบรับและไว้วางใจในแบรนด์ “แสนสิริ" รวมทั้งแบรนด์ที่อยู่อาศัยต่างๆ ของแสนสิริอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถสร้างยอดขายได้สูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา โดยเงินทุนที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการขยายธุรกิจในปี 2556
นอกเหนือจากการพึ่งพาวงเงินกู้จากธนาคาร เพื่อให้เป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจในการรุกพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบรับทุกความต้องการที่อยู่อาศัยครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า รวมทั้งขยายการพัฒนาโครงการสำหรับรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัด รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นมากขึ้นอีก
บริษัทจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ อีก 45 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 61,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าการพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัดในสัดส่วน 70% : 30% ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัทฯ เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป ผ่านเครือข่ายสาขาของธนาคารทั่วประเทศ" นายอภิชาติ กล่าว
หุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน ระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทที่เสนอขายในครั้งนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ ‘BBB’ (Triple B Straight) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ BBB+ (Triple B Plus) อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถในการเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย รวมทั้งการดำรงสถานะการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ณ เดือนมกราคม 2556 บริษัทมีจำนวนโครงการที่เปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น 87 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 105,191 ล้านบาท รวมทั้งมียอดขายรวมในปีที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นสูงถึง 42,600 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและการมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่งเป็นสำคัญ มียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างน่าพอใจรวมถึงยอดขายที่รอการส่งมอบอีกในปริมาณมาก
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้าแล้วถึง 53,000 ล้านบาท