"เปอร์ตามิน่า"ชวน PTTGCร่วมทุนตั้งโรงกลั่นใหม่ในอินโดฯรู้ผลเม.ย.-พ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 16, 2013 13:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า บมจ.พีทีที โกลบอลเคมิคอล (PTTGC)ในเครือ ปตท. ได้รับเชิญจาก บริษัท เปอร์ตามิน่า ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของประเทศอินโดนีเซีย โดย PTTGC เป็น 1 ใน 3 บริษัท ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมเสนอตัวในการเป็นพันธมิตรกับเปอร์ตามิน่า (short list) ในการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าจะทราบผลการคัดเลือกในเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้

หลังจากเปอร์ตามิน่าได้คัดเลือกพันธมิตรในการร่วมทุนแล้วก็จะมีการศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการโรงกลั่นน้ำมันแห่งใหม่ ทั้งกำลังการผลิต เงินลงทุน และกำหนดดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันอินโดนีเซียมีกำลังการกลั่นน้ำมันในประเทศรวมประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดมีขนาด 2.5 แสนบาร์เรลต่อวัน และจากจำนวนประชากรที่มากถึงประมาณ 250 ล้านคน และประเทศเป็นเกาะจำนวนมาก จึงทำให้ยังมีประชากรบางส่วนยังไม่สามารถเข้าถึงการใช้พลังงาน คาดว่าความต้องการใช้พลังงานในอนาคตจะเพิ่มอีกมาก

นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท.ยังมีการลงทุนทางด้านธุรกิจพลังงานในด้านอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก โดยได้เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการเปิดสำนักงานตัวแทนขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศอินโดนีเซียได้มากขึ้น และเป็นการยกระดับการค้าระหว่างกัน อีกทั้งการที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก ก็มีโอกาสเติบโตทางด้านการใช้พลังงานมากขึ้น โอกาสในการลงทุนด้านพลังงานของ ปตท.ก็จะขยายเพิ่มขึ้นในอนาคต

ทางด้าน นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน PTT เปิดเผยว่า การลงทุนด้านธุรกิจน้ำมันในประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันจะเน้นการจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น ซึ่งการเปิดตลาดน้ำมันหล่อลื่นของ ปตท.ในอินโดนีเซีย เนื่องจากต้องการให้แบรนด์ ปตท.เป็นที่รู้จักในอินโดนีเซียมากขึ้น อย่างไรก็ตามการแข่งขันในธุรกิจน้ำมันในอินโดนีเซียยังมีการแข่งขันกันสูงอยู่ จึงต้องใช้เวลาในการสร้างแบรนด์

แต่การลงทุนในเมียนมาร์นั้น ขณะนี้ ปตท.ได้มีการขยายธุรกิจน้ำมันเข้าไปใน 4 ส่วน ได้แก่ 1.ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ซึ่งขณะนี้มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับที่ 3 แต่ตั้งเป้าว่าในปลายปีนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 2.ธุรกิจเติมน้ำมันอากาศยาน ซึ่ง ปตท.ได้ร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจของเมียนมาร์ ในการดำเนินธุรกิจนี้ 3.ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน อยู่ระหว่างการสำรวจจุดเข้าออกของเมืองใหญ่ๆ เช่น ย่างกุ้ง เนปิดอว์ เป็นต้น เพื่อที่จะหาทำเลที่ตั้งสถานีบริการน้ำมัน และ 4.ธุรกิจคลังน้ำมัน ซึ่ง ปตท.ได้ลงทุนก่อสร้างคลังน้ำมันกระจายอยู่ในเมืองต่างๆ เพื่อจะสนับสนุนการค้าส่งค้าปลีกน้ำมันของ ปตท.ในเมียนมาร์ให้มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ