ตลท.ตั้งเป้าปี 56 ขยายมาร์เก็ตแคป 1.2 แสนลบ.-บจ.เดิมระดมทุนเพิ่มกว่า 1 แสนลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 16, 2013 15:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยแผนในปี 56 พร้อม“สานโอกาสการลงทุน เพื่อคุณ เพื่อธุรกิจ" มุ่งขยายฐานผู้ลงทุนบุคคลกลุ่มใหม่ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนบัญชีซื้อขายหุ้น 96,600 บัญชี เพิ่มมูลค่าตลาดรวมจากบริษัทจดทะเบียนใหม่ 1.2 แสนล้านบาท และบริษัทจดทะเบียนเดิมระดมทุนเพิ่มกว่า 1 แสนล้านบาท

พร้อมส่งเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะบริษัทโฮลดิ้งจากประเทศเพื่อนบ้าน กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และ REITs พร้อมต่อยอดความร่วมมือในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS) และอาเซียน รวมถึงมุ่งส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการที่ดีของ บจ.ไทย และส่งเสริมสถาบันธุรกิจเพื่อสังคม (CSRI) เป็นสถาบันหลักของ บจ.ไทยด้านความรับผิดชอบต่อสังคม นำไปสู่มาตรฐาน Dow Jones Sustainability Index

สำหรับปี 55 ถือเป็นปีที่ ตลท.ประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลาย ๆ ด้าน และเป็นปีแห่งการยกระดับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในหลายมิติ โดยเฉพาะการปรับขึ้นอันดับของตลาดทุนไทยเป็นหนึ่งใน 10 ของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ชั้นนำของโลก(Advanced Emerging Market) โดย FTSE และการปรับอันดับการกำกับดูแลกิจการที่ดี(CG Ranking)ของบริษัทจดทะเบียนไทยขึ้นเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค ขณะที่ MSCI เพิ่มหลักทรัพย์ไทย 4 หลักทรัพย์ในการคำนวณดัชนีของ MSCI Global Standard Indices ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนหลักทรัพย์มากที่สุดในเอเชีย

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเปิดใช้ระบบซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ SET CONNECT ด้วยเทคโนโลยีชั้นนำของโลกรองรับปริมาณซื้อขายได้เพิ่มสูงขึ้น พร้อมตอกย้ำความน่าสนใจของตลาดทุนไทยด้วยการเปิดประตูการลงทุนสู่ภูมิภาค ASEAN ขณะที่ในปี 55 นี้ มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยทำสถิติสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ที่ 32,304 ล้านบาทต่อวัน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี 10 เดือน ขณะที่มูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นปี 55 สูงที่สุดนับตั้งแต่จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และมูลค่าตลาดรวมของหุ้นใหม่และการระดมทุนบริษัทจดทะเบียน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี

ทั้งนี้ ในปี 55 มูลค่าซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ไทยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปี 2551 โดยมีมูลค่าซื้อขายต่อวันสูงสุดในภูมิภาคอาเซียนที่ 32,304 ล้านบาท ต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 9.6% โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับขึ้นสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย โดยเพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อน และปรับแตะระดับสูงสุดที่ 1,397.19 จุด เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.55 มีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ 2.98% ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ SET อยู่ที่ 11,831,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากสิ้นปี 2554 คิดเป็น 103% ของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทย และเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ mai อยู่ที่ 133,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72%

สร้างสถิติใหม่ IPO และการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนในปี 55 ทั้งมูลค่าตลาดรวมของหุ้น IPO และมูลค่าการระดมทุนเพิ่มของบริษัทจดทะเบียน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี โดยมีการเพิ่มมูลค่าตลาดรวม 115,768 ล้านบาท จาก 25 บริษัทและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริษัทจดทะเบียนใน SET 9 บริษัท (รวมบริษัทที่เข้าจดทะเบียนแบบทางอ้อม Reverse Takeover (RTO) 1 บริษัท mai 10 บริษัท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีก 6 กองทุน

ส่วนการระดมทุนเพิ่มของบริษัทจดทะเบียนและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่ารวม 257,819 ล้านบาท จาก 162 แห่ง ได้แก่ บริษัทจดทะเบียนใน SET 122 บริษัท (237,997 ล้านบาท) mai 35 บริษัท (3,069 ล้านบาท) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีก 5 กองทุน (16,753 ล้านบาท)

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า ในปี 56 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่องอย่างมีเสถียรภาพ จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การขยายตัวการลงทุนของภาคเอกชน และการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม วิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปจะยังคงยืดเยื้อ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในหลายด้าน ขณะที่สถาบันการเงินต่างประเทศยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงของเงินกองทุนที่ต้องมีให้เพียงพอตามกฎเกณฑ์ใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง

"แผนงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2556 ได้มุ่งต่อยอด “สานโอกาสการลงทุน เพื่อคุณ เพื่อธุรกิจ" โดยให้ความสำคัญกับการขยายฐานผู้ลงทุนบุคคลกลุ่มใหม่ การเพิ่มมูลค่าตลาดรวม การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความรับผิดชอบต่อสังคมของ บจ.ไทย อย่างต่อเนื่อง" นายจรัมพรกล่าว

นางเกศรา มัญชุศรี รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด ตลท.กล่าวว่า ในปี 56 ตลท.มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนบัญชีผู้ลงทุนบุคคลที่ซื้อขายหลักทรัพย์อีก 96,600 บัญชี และจำนวนบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอีก 22,000 บัญชี โดยมุ่งขยายฐานไปยังกลุ่มผู้ลงทุนบุคคลรายใหม่ ที่เป็นผู้ออมในระบบธนาคาร ผู้เริ่มลงทุน คนรุ่นใหม่ และกลุ่มผู้นิยมออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันพบว่าการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นที่นิยมมากขึ้น

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลท.เปิดเผยว่า ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าตลาดรวมจากหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ 120,000 ล้านบาท โดยมาจากบริษัทที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในประเทศ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการเข้าจดทะเบียนบริษัทในเครือของบริษัทจดทะเบียน (spin-off) และบริษัทโฮลดิ้งจากกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง สำหรับบริษัทจดทะเบียน คาดว่าจะมีมูลค่าการระดมทุนเพิ่มในปี 2556 จำนวน 100,000 ล้านบาท ด้วยเครื่องมือที่บริษัทจดทะเบียนนิยมใช้ เช่น warrant, stock dividend, stock split

นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลท.กล่าวว่า ตลท.เห็นโอกาสการเติบโตจากกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ ประเทศกัมพูชา พม่า ลาว และเวียดนาม ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และมีความต้องการระดมทุนสูงมาก โดยมีนักธุรกิจไทยดำเนินธุรกิจใน GMS เพิ่มขึ้นและต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯได้เตรียมช่องทางการเข้าจดทะเบียนของบริษัทโฮลดิ้งที่ทำธุรกิจในกลุ่มประเทศเหล่านี้แล้ว

นอกจากนี้ ในปี 56 ตลท.จะร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค เพื่อสร้าง visibility ให้กับตลาดทุน GMS สนับสนุนสถาบันตัวกลางในการเปิดสาขาและทำธุรกรรมในตลาดทุนดังกล่าว รวมทั้งสนับสนุนการเชื่อมโยงและให้บริการหลังการซื้อขายระหว่างตลาดหลักทรัพย์และตลาดทุน GMS

สำหรับการส่งเสริมการลงทุนในระดับภูมิภาค ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์อาเซียน จัดงาน roadshow Invest ASEAN นอกเหนือจากที่จัดไปแล้วที่กรุงเทพฯ จะนำบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียนไทยพบกับผู้ลงทุนบุคคลและบริษัทหลักทรัพย์ท้องถิ่นในอาเซียนเพื่อให้รู้จักกับตลาดทุนไทยมากขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ประเทศสิงคโปร์ และเดือนมีนาคมที่ประเทศมาเลเซีย รวมถึงเตรียมออกดัชนีใหม่ สำหรับหลักทรัพย์อาเซียน ได้แก่ broad-based ASEAN Index, ASEAN Star index และ sectoral index เพื่อเป็นฐานสำหรับการออกกองทุนต่าง ๆ ต่อไป

ในปี 56 ตลาดหลักทรัพย์ฯ พัฒนาระบบซื้อขายและระบบชำระราคาสำหรับตราสารอนุพันธ์อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเริ่มใช้งานในปี 57 นอกจากนี้ยังมีแผนปรับปรุงเพิ่มช่องทางระบบการซื้อขาย เช่น Direct Market Access (DMA) และ Program Trading เพื่อให้ผู้ลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายด้วยตัวเองผ่านระบบบริษัทหลักทรัพย์สมาชิก หลังเห็นความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเพิ่มสัดส่วนจากช่องทาง DMA เป็น 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด จากปัจจุบันที่ 7%

นางชนิสา ชุติภัทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้าสายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดำเนินการตามแผนแม่บทงานปฏิบัติการ (Operations Master Plan) ได้แก่ 1) การพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารความเสี่ยงของสำนักหักบัญชีเพื่อให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับชั้นนำของภูมิภาค 2) ขยายช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการไปยังกลุ่มผู้ลงทุนและสมาชิกใหม่ ๆ โดยพัฒนาระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ใหม่ สำหรับตราสารทุน ตราสารอนุพันธ์ และตราสารหนี้ ให้อยู่บน platform เดียวกัน และ 3) พัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ให้ครอบคลุมธุรกิจอื่นๆ ที่นอกเหนือจากธุรกิจหลักในปัจจุบัน ได้แก่ การให้บริการธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (Securities Borrowing and Lending: SBL) และการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-strategy) กับผู้ลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว และเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย

นายจรัมพร กล่าวถึงแผนการพัฒนาตลาดทุนระยะยาวในปี 56 ว่า ด้านบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนปรับปรุงหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนให้สอดคล้องกับเกณฑ์การวัดระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับอาเซียน (ASEAN CG Scorecard) เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยให้เป็นหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนในมุมมองของผู้ลงทุนต่างประเทศ และยังเป็นการเตรียมความพร้อมของบริษัทจดทะเบียนไทยสู่ประชาคมเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมให้สถาบันธุรกิจเพื่อสังคม (CSRI) เป็นสถาบันหลักในการพัฒนาความรู้แก่บริษัทจดทะเบียนไทย เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและผลักดันสู่การลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง นำไปสู่มาตรฐาน Dow Jones Sustainability Index


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ