บริษัทคาดว่าจะสามารถออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินราว 1.5 พันล้านบาท อายุ 3 ปี ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยในปีนี้บริษัทจะมีการลงทุนซื้อที่ดินใหม่ราว 2-3 พันล้านบาทเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปีหน้า
นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NOBLE คาดว่ายอดขายปี 56 จะอยู่ที่ 7-8 พันล้านบาท จากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 3 โครงการที่มีมูลค่ารวมประมาณ 7-8 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการโนเบิล รีวอล์ฟ รัชดา และ โครงการย่านถนนสุขุมวิท รวมทั้งโครงการหรูย่านซอยทองหล่อที่มีราคาไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท/ยูนิต
สำหรับโครงแรกที่เปิดตัวในปีนี้เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโนเบิล รีวอล์ฟ ตั้งอยู่บนถนนรัชดาฯ ติด MRT ศูนย์วัฒนธรรม 80 เมตร ขนาดพื้นที่โครงการ 2-2-91 ไร่ ประกอบด้วยอาคารสูง 40 ชั้น จำนวน 802 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2.7 พันล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 2.3 ล้านบาท เริ่มลงทะเบียนรับสิทธิจองตั้งแต่วันที่ 19-31 ม.ค.56 และเปิดจองวันที่ 3 ก.พ.56
นายกิตติ กล่าวว่า บริษัทคาดยอดรับรู้รายได้ในปีนี้ไว้ที่ 3-4 พันล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน(Backlog)ราว 1.2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนการพิจาณาเปิดโครงการต่างจังหวัดเพิ่มเติม และโครงการแนวราบอีก 1 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการมองหาทำเล หากมีความชัดเจนก็จะสามารถเปิดตัวได้ภายในปลายปีนี้ แต่ทั้งนี้ต้องดูกระแสตอบรับจากลูกค้าออกมาว่าดีหรือไม่ และหากเพิ่มจำนวนโครงการก็จะมีโอกาสที่ยอดขายจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท
บริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนในการซื้อที่ดินราว 2-3 พันล้านบาท เพื่อเป็นการรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้า และตั้งงบโฆษณาในปีนี้ราว 40 ล้านบาท โดยจะลงโฆษณาในทุกสื่อทั้งโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ สื่อตามสถานีรถไฟฟ้า และสื่อออนไลน์ เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับรู้โครงการใหม่ๆของบริษัทได้ทั่วถึงมากขึ้น
บริษัทฯมีแผนการเสนอขายหุ้นกู้วงเงินราว 1.5 พันล้านบาท อายุ 3 ปี ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อนำมาระดมทุนในการซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยต้องรอการพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง โดยอิงตามภาวะตลาด
ภาพรวมอสังหาริมทรพย์ปี 56 นายกิตติ มองว่า ปี 56 ยังเติบโตต่อเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคมีมากขึ้น และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังเกิดมูลค่าเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด และราคาขายอสังหาริมทรัพย์ในตลาดมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นราว 10% จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อาทิ ค่าแรง ค่าขนส่ง เป็นต้น โดยบริษัทฯจะปรับราคาขายหลังปิดการเปิดจองช่วงพรีเซลประมาณ 5-10%
“เรามองปีนี้เป็นปีทองของอสังหาฯ จากกกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มมมากขึ้น และจากปัจจัยในการลงทุนของอสังหาฯที่คนต้องรีบนำเงินไปลงทุนอสังหาฯ เพราะการลงทุนในอสังหาฯนั้นยิ่งนานๆไปมูลค่าก็เพิ่มสูงขึ้น ที่ดินราคาสูงขึ้น แต่ต้องอยู่ในทำเลที่ดีเช่นกัน และแนวโน้มราคาขายในตลาดอสังหาฯจะเพิ่มขึ้นราว 10% จากต้นทุนค่าแรงและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหลังจากปิดการเปิดจองช่วงพรีเซลแล้วบริษัทฯจะปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10%"นายกิตติ กล่าว
ด้านโครงการคอนโดโนเบิล เพลินจิต ที่มีการเปิดจองไปแล้วนั้น ขณะนี้มียอดจองอยู่ที่ 55-60% และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยมีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท