บริษัทเตรียมเงินลงทุนจำนวน 550 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อลงทุนซื้อเครื่องจักรขยายกำลังการผลิตแป้งสาลีเพิ่มอีก 250 ตันข้าวสาลี/วัน จากปัจจุบัน 250 ตันข้าวสาลี/วัน เป็น 500 ตันข้าวสาลี/ ปี และสร้างไซโลเก็บข้าวสาลี ความจุ 5 หมื่นตัน พร้อมสายพานลำเลียงเข้าสายการผลิตโดยตรงเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง
แผนขยายกำลังการผลิตดังกล่าวจะทำให้ในปี 57 กำลังการผลิตรวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 65% และในปี 58 เพิ่มเป็น 75% จากนั้นปี 59 จะเพิ่มเป็น 85% ซึ่งจะทำให้ยอดขายในช่วงปี 57-59 สูงขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจาก 15-20% ในปี 55 และอัตรากำไรสุทธิจะสูงกว่า 5-10% ด้วย เพราะมีต้นทุนต่ำลงและประหยัดค่าขนส่ง
นายชาญกิจ กล่าวว่า แผนการตลาดปีนี้จะเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่อีก 30% จากเดิมที่มีอยู่ 140 ราย โดยจะเน้นกลุ่มโรงงานขนาดใหญ่ 60% กลุ่มเอสเอ็มอี 40% เพื่อรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากแผนการลงทุนขยายโรงงาน โดยปีนี้จะเริ่มจาก 3 ตลาดหลัก คือ แป้งขนมปัง แป้งบะหมี่เกรดพิเศษโปรตีนสูง และแป้งสาลีที่นำไปผลิตแป้งพรีมิกซ์ ซึ่งตลาดมีขนาดใหญ่และการเติบโตสูง ทำให้มั่นใจว่าแผนการตลาดดังกล่าวจะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน
สำหรับตลาดแป้งสาลีปี 56 มีแนวโน้มสดใส เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ300 บาท/วันทั่วประเทศ ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าตลาดจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ระดับ 10-15% และบริษัทยังไม่มีแผนในการขยายตลาดไปต่างประเทศ
ส่วนการปรับราคาขายแป้งสาลี ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อไตรมาส 4/55 แต่จะปรับขึ้นเต่อเนื่องหรือไม่ในปีนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าลูกค้าจะรับต้นทุนได้หรือไม่ โดยราคาข้าวสาลีในตลาดโลกขณะนี้ทรงตัว และบริษัทยังมีสต็อกข้าวสาลีเพียงพอส่วนที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลดีต่อบริษัทในการนำเข้าวัตถุดิบหลัก คือข้าวสาลี ได้ราคาถูกลง