TUF ตั้งเป้าปี 56-58 รายได้โต 12-15% แตะ 1.5 แสนลบ.-ลงทุน 1.8 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 17, 2013 09:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทได้วางแผนธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า(ปี 56-58)ว่ารายได้จะเติบโตปีละ 12-15% โดยปี 56 จะมีรายได้ 1.2 แสนล้านบาทหรือ 4 พันล้านเหรียญ และในปี 58 เพิ่มเป็น 1.5 แสนล้านบาท หรือ 5 พันล้านเหรียญ

ขณะที่งบลงทุนในช่วง 3 ปีนี้ตั้งไว้ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท หรือปีละ 6 พันล้านบาท ซึ่งปกติจะมีงบปีละ 3 พันล้านบาท รวม 3 ปีจำนวน 9 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพื่อนำไปสร้างโรงงานใหม่ 3 แห่ง คือโรงงานผลิตกุ้งแช่แข็ง โรงงานผลิตปลาแซลมอน โดยสองโรงงานดังกล่าว จะสร้างเสร็จในครึ่งหลังปี 57 และโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปและเบเกอร์รี่ จะสร้างเสร็จในปี 58 ทั้งหมดจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 30-50% รวมทั้งปรับปรุงสายการผลิตให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพดีมากขึ้น รองรับธุรกิจที่ขยายตัวรวมถึงการส่งออก

นอกจากนี้ ในช่วง 3 ปีนี้จะขยายตลาดปลาทูน่าเพิ่มในเยอรมัน กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ยุโรปตะวันออก แอฟริกา และตะวันออกลาง จากปัจจุบันมี 5 ตลาดหลัก คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ พร้อมทั้งมองหาโอกาสรุกขยายธุรกิจอาหารทะเลแช่แช็ง และ อาหารสัตว์เลี้ยงในยุโรป จากปัจจุบันที่มีสินค้าปลาทูน่าและอาหารทะเลกระป๋อง

ขณะเดียวกันจะเร่งสร้างรายได้จากสินค้าที่เป็นแบรนด์ของบริษัท 3 แบรนด์ ในกลุ่มประเทศอาเซียน คาดว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะมีรายได้จากส่วนนี้เพิ่มเป็น 200 ล้านเหรียญ จากปัจจุบันอยู่ที่ 80 ล้านเหรียญ

จากปัจจุบันฐานการเงินแข็งแกร่ง อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) ของบริษัทปัจจุบันลงมาระดับที่ 0.75 เท่า จากเดิมสูงถึง 1.7 เท่า โดยมูลหนี้คงเหลือ 2.5-2.8 หมื่นล้านบาท จากที่สูงถึง 3.4 หมื่นล้านบาท

ส่วนปี 55 คาดว่ารายได้ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17% สูงจาก15% ช่วงก่อนเข้าซื้อ MWB ในปี 53 แม้ปี 55 บริษัทจะประสบเหตุไฟไหม้โรงงานผลิตกุ้งแช่แข็ง และ ราคาปลาทูน่าสูงขึ้นและสูงสุดที่ระดับ 2,450 เหรียญ/ตัน แต่ก็ยังสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นกว่าปี 54 และคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลงวดปี 55 ได้สูงกว่าปี 54 ที่จ่ายเงินปันผลที่อัตรา 1.56 บาท/หุ้น และในปี 56 คาดว่ารายได้จะเพิ่มเป็น 1.2 แสนล้านบาท และจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 17% ขณะที่เจอปัจจัยลบเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และ เงินบาทที่แข็งค่าหลุด 30 บาท/เหรียญ

"เงินบาทแข็งค่า เราก็ต้องปรับตัวไป ข้อเท็จจริง 29 บาทไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เราเคยบริหารจัดการ 29 บาทก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร และผมคิดว่า บางครั้งความลำบาก ก็เป็นโอกาส เพราะอะไรที่ลำบากก็จะลำบากกับทุกๆคน แต่ใครจะรอด เพราะท้าทาย ปีนี้ก็มีค่าแรง 300 บาท เงินบาทแข็งขึ้น ...เราก็พยายามที่จะ maintain เรามีเป้าหมาย gross margin ที่ 17% เราพยายามรักษาให้ได้ ก่อนซื้อ MWB ก็มี 15%" ประธานกรรมการบริหาร TUF กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ