"ช.ทวี ดอลลาเซียน"ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 200 ล้านหุ้น เข้าตลาด mai ใน Q2/56

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 17, 2013 15:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.ช.ทวี ดอลลาเซียน (CHO) เปิดเผยว่า ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนและแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัทฯดังกล่าว ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วเมื่อวันที่ 15 ม.ค.โดยขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน(IPO)รวม 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นร้อยละ 27.78 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วของบริษัทหลังการเสนอขายครั้งนี้

วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการวิจัยและพัฒนาระบบออโตเมชั่นเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ จากนั้นจะดำเนินการนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดว่าภายในช่วงไตรมาส 2/56

ทั้งนี้ บมจ.ช.ทวี ดอลลาเซียน ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบราง โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในระดับโลก เข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ ทั้งนี้ได้แบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1.กลุ่มผลิตภัณฑ์มาตรฐาน หมายถึงกลุ่มรถบรรทุก รถพ่วง-กึ่งพ่วงทั่วไป ที่ลูกค้าสั่งซื้อเพื่อนำไปใช้ขนส่งสินค้าตามความต้องการเฉพาะ มีทั้งรถที่ใช้เพื่อการบรรทุกสินค้าอย่างเดียวโดยไม่ต้องการระบบวิศวกรรมที่มีเทคโนโลยีซับซ้อน 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ออกแบบพิเศษ หมายถึง กลุ่มรถบรรทุก รถพ่วง-กึ่งพ่วง ที่ต้องมีการออกแบบพิเศษตามความต้องการใช้งานของลูกค้า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อน ต้องการระบบวิศวกรรมที่แม่นยำในการใช้งาน อาทิ รถลำเลียงอาหารสำหรับเครื่องบิน รถบันไดขึ้นเครื่องบิน รถบันไดกู้ภัย รถติดตั้งอุปกรณ์สนับสนุนภาคพื้นดิน รถดับเพลิงและรถกู้ภัย ยานยนต์สำหรับกองทัพ งานซ่อมบำรุงและปรับปรุงรถไฟ เป็นต้น

และ 3.กลุ่มบริหารโครงการและงานบริการ หมายถึงกลุ่มงานพิเศษที่บริษัทฯ ได้ผสานเทคโนยีด้านวิศกรรมระดับสากลเข้ากับการบริหารอย่างมืออาชีพด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้บริหารและทีมงาน ทั้งด้านงานวิศวกรรมและด้านการบริหารที่สั่งสมมานาน จนสามารถเสนอบริการด้านการบริหารโครงการขนาดใหญ่ให้แก่ลูกค้าได้ ปัจจุบันมีการให้บริการ 2 โครงการคือ บริหารโครงการสร้างเรือตรวจการไกลฝั่ง และโครงการบริการงานซ่อมบำรุงและศูนย์ซ่อมสำหรับบริษัท ลินฟอกซ์ ทรานสปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco-Lotus

สำหรับผลการดำเนินงานของ CHO ทั้งรายได้และกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 52-54 มีรายได้ 955.69 ล้านบาท 666.30 ล้านบาท และ 669.35 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในปี 52 มีกำไรเบ็ดเสร็จรวม (เฉพาะส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) เท่ากับ 13.20 ล้านบาท ในปี 53 มีผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม 4.13 ล้านบาท แต่ในปี 2554 กลับมามีกำไรเบ็ดเสร็จรวม 24.01 ล้านบาท

งวด 9 เดือนของปี 55 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 467.41 ล้านบาท มีกำไรเบ็ดเสร็จรวม (เฉพาะส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) เท่ากับ 19.16 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 55 บริษัทมีมูลค่าโครงการคงเหลือที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) จำนวน 146.69 ล้านบาท

นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ช.ทวี ดอลลาเซียน เปิดเผยว่าจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขันในระดับโลก อีกทั้งมีความโดดเด่นที่แตกต่างอย่างเหนือกว่า ทั้งในด้านการผลิตตู้สินค้าทุกชนิด ผลิตภายใต้เครื่องจักรทันสมัยได้มาตรฐานสากลทั้ง มอก. ISO 9001, CE mark, IATA

ที่สำคัญคือ CHO ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากพันธมิตรระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม อาทิ BAE SYSTEMS ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อันดับสองของโลก, SEIMENS ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบ และผลิตตู้รถโดยสาร ระบบการขนส่งทางรางระดับโลก จากเยอรมันนี, HANAOKA ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบผลิตภัณฑ์รถบริการในสนามบินจากญี่ปุ่น และ MORITA ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการขนส่งจากญี่ปุ่น ซึ่งจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและความโดดเด่นของธุรกิจที่มีของ CHO ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน

“ช.ทวีฯ มีเป้าหมายในการเป็นผู้นำในการออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิต และเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมระดับโลกเข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ โดยจะเป็นผู้ร่วมสร้างและเพิ่มอำนาจการแข่งขันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีระบบราง โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ"นายสุรเดช กล่าว

ณ วันที่ 2 มกราคม 56 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 180 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 720 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท และทุนเรียกชำระแล้วจำนวน 130 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 520 ล้านหุ้น โดยหลังเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 180 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ