ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.5% ปิดที่ 287.35 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.เป็นต้นมา
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,735.46 จุด เพิ่มขึ้น 44.33 จุด, +0.58% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 3,744.11 จุด เพิ่มขึ้น 35.62 จุด, +0.96% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,132.36 จุด เพิ่มขึ้น 28.38 จุด, +0.46%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนได้ 4.5 พันล้านยูโร (6 พันล้านดอลลาร์) จากการประมูลขายพันธบัตรล็อตที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งตรงตามเป้าหมายสูงสุดที่รัฐบาลกำหนดไว้
รายงานระบุว่า อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2558 อยู่ที่ระดับ 2.713% ลดลงเมื่อเทียบกับการประมูลเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ระดับ 3.358% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2561 อยู่ที่ 3.77% ลดลงจากการประมูลเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ระดับ 3.988% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2584 อยู่ที่ 5.696% ลดลงจากการประมูลเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ระดับ 5.893%
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างคาร์ฟูร์ โดยราคาหุ้นคาร์ฟูร์พุ่งขึ้น 6.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไตรมาส 4/2555 เพิ่มขึ้น 0.8% เนื่องจากธุรกิจในละตินอเมริกาและฝรั่งเศสยังคงมีการขยายตัวที่ดี
หุ้น EADS ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินแอร์บัส พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากสำนักงานการบินแห่งชาติของสหรัฐ (FAA) ประกาศระงับการให้บริการการบินด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 787 ของบริษัท โบอิ้ง โค ซึ่งเป็นคู่แข่งของแอร์บัส หลังจากเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรีลิเธียมไอออนที่ไม่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ม.ค. ปรับตัวลง 37,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 335,000 ราย และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนธ.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 12.1% แตะที่ 954,000 ยูนิต/ปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 890,000 ยูนิต/ปี