(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าขึ้นต่อ Flow ยังไหลเข้าแต่ระหว่างวันอาจมีขายทำกำไรบ้าง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 18, 2013 09:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มตลาดเช้านี้ปรับตัวขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มเข็งค่าในระยะสั้น ส่งผลให้แนวโน้มที่จะมีเงินทุนไหลเข้าต่อ และจะสามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,426-1,432 จุด แต่อาจมีผันผวนระหว่างวันจากแรงขายทำกำไร โดยให้แนวรับที่ 1,415 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า เช้านี้มองว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขจำนวนคนว่างงานที่ลดลง และตัวเลขการสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้นดีกว่าคาด ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้น

ขณะที่ค่าเงินบาทของไทยก็ยังมีแนวโน้มเข็งค่าอยู่ในระยะสั้น ส่งผลให้เป็นปัจจัยหนุนให้กระแสเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าอยู่ ซึ่งวานนี้ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันที่ 600 กว่าล้านบาท

ทั้งนี้ มองว่าวันนี้ตลาดจะขึ้นไปทดสอบที่แนวต้าน 1,426-1,432 ได้อีกครั้ง แต่ในระหว่างวันอาจจะมีความผันผวนจากแรงขายทำกำไรบ้าง

ส่วนตลาดภูมิภาคจะมองว่าบวกโดยส่วนมาก ประมาน 0.3-0.4% ในทิศทางเดียวกัน

พร้อมให้แนวรับ 1,415 จุด แนวต้าน 1,426-1,432 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(17 ม.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,596.02 จุด เพิ่มขึ้น 84.79 จุด(+0.63%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,480.94 จุด เพิ่มขึ้น 8.31 จุด(+0.56%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,136.00 จุด เพิ่มขึ้น 18.46 จุด(+0.59%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 182.33 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 169.73 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 80.64 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.38 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.78 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 1.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.70 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 2.40 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(17 ม.ค.)1,420.95 จุด เพิ่มขึ้น 4.81 จุด(+0.34%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 609.74 ล้านบาท เมื่อ 17 ม.ค.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้(17 ม.ค.)ที่ 95.49 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.25 ดอลลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(17 ม.ค.) ปิดที่ 7.7 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 29.75/77 ทรงตัว จับตาตัวเลขศก.จีน-ท่าทีธปท.
  • ญี่ปุ่นแสดงความสนใจลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน หวังร่วมมือสนับสนุนพม่าพัฒนาประเทศ ดันความเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน เพิ่มความแข็งแกร่งทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง ด้านไทยหวังดึงร่วมพัฒนาโครงการทวาย "กิตติรัตน์" ระบุรัฐบาลให้ความสำคัญข้อคิดเห็นญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการลงทุนสูงสุด
  • ธปท.ผ่อนเกณฑ์รายย่อยลงทุนต่างประเทศหวังระบายดอลลาร์ ยอมรับเงินนอกไหลเข้าหุ้น-บอนด์ระยะสั้น สัญญาณเก็งกำไรค่าเงินบาท ลั่นเตรียมออกมาตรการดูแล ด้านค่าบาทต่อดอลลาร์ผันผวน ขณะที่คลังเตรียมเสนอลดภาษีกำไรจากลงทุนต่างประเทศ
  • "สศค."ชงพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเข้าครม. 5 ก.พ.ยันโปร่งใสก่อหนี้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว แนะรัฐวางโครงสร้างพื้นฐาน 4 ด้าน รองรับการเติบโตในอนาคต ด้าน"ทียูเอฟ"วอนรัฐวางยุทธศาสตร์ชาติเลิกปล่อยเอกชนโตตามธรรมชาติ ขณะที่"ซีเอ็ด"จี้พัฒนาคนห่วงปัญหาการศึกษาไทยปัจจุบันล้มเหลวทุกด้าน หวั่นอนาคตเด็กไทยแข่งขันไม่ได้ ด้านคมนาคมชงครม.กู้เงินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน-เขียว กว่า 1.6 หมื่นล้าน
  • การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)วางแผนลงทุนในระยะ 5 ปี(2556-2560) วงเงินรวม 3 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้าทั่วประเทศ 2 แสนล้านบาทอีก 1 แสนล้านบาท เป็นการลงทุนโรงไฟฟ้าแห่งใหม่
  • ตลาดหลักทรัพย์ส่งหนังสือเตือนโบรกเกอร์ดูแลการซื้อขายหุ้นเก็งกำไรหลังพบมีหลักทรัพย์กว่า 61 ตัวมีพีอีเกิน 40 เท่า ทั้งที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ชี้ราคาหุ้นเหล่านี้ยังไม่ลดความร้อนแรงอาจมีมาตรการอื่นเสริม ด้านโบรกเกอร์เผยวอลุ่มหุ้นเก็งกำไรสูง 2-3 หมื่นล้านบาทต่อวัน ดันวอลุ่มตลาดรวมโป่งถึงระดับ 5 หมื่นล้านบาท บางโบรกเกอร์ปรับวงเงินเทรดเงินสดจาก 15% เป็น 20%
  • รฟม.บี้บีเอ็มซีแอลลดค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางใหญ่-บางซื่อ) สรุปใน 30 วันตามมติ ครม. ด้านเอกชนยอมรับหนักใจ เหตุลดราคาลงมามากแล้ว จาก ที่เสนอ 8.9 หมื่นล้านบาท ล่าสุดเหลือที่ 8 หมื่นล้านบาท หากต้องลดอีก ต้องเจรจาลดสเปกและความถี่เพื่อลดค่าใช้จ่ายลงเผยส่งราคาต่อรองอีกครั้งวันนี้ (18 ม.ค.)

*หุ้นเด่นวันนี้

  • STANLY(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 300 บาท คาดกำไรสุทธิใน 3Q55(ต.ค.—ธ.ค.55)ทะลุหลัก 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% QoQ และดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 367 ล้านบาท โรงงานใหม่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มต่อเนื่องและคาดว่าจะสามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็ม 100% ภายใน มิ.ย.56 นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่จะรับรู้รายได้พิเศษ ซึ่งเรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการค่าสินไหมประกัน 300 ล้านบาท คาดสรุปภายในเดือน มี.ค.56 หรือภายในงวดปีบัญชี 2555
  • BCH(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 10.90 บาท การให้บริการประกันสังคมของ BCH มีความเสี่ยงของโรคสูงขึ้น ทำให้กำไรสุทธิ 4Q55 มีแนวโน้มดีกว่าคาดที่ 202 ล้านบาทเนื่องจากจะมีบันทึกรายได้ราว 20 ล้านบาทเป็นรายรับพิเศษชดเชยค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มจากเตรียมเปิด รพ.ใหม่ และคาดมีโอกาสจ่ายเงินปันผลครึ่งหลังปี 55 เป็นหุ้นและเงินสด
  • BCP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 39 บาท ความสามารถของโรงกลั่นที่เด่นกว่าโรงกลั่นในประเทศอื่น อีกทั้งส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างธุรกิจโรงกลั่นที่มีกำไรผันผวน กับธุรกิจการตลาดที่ได้ประโยชน์จากมาตรการรถคันแรกของรัฐบาล และธุรกิจโซล่าร์ฟาร์มจะมีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตของผลประกอบการและลดจากความเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แม้หุ้น BCP จะปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาดในปี 55 ปัจจุบันยังคงซื้อขายมีส่วนลดจากโรงกลั่นในประเทศและภูมิภาค และผู้ผลิตโซล่าร์ฟาร์มยังซื้อขายด้วย PBV ถึง 3 เท่า ผลประกอบการปี 57 ประมาณ 1 ใน 4 มาจากธุรกิจโซล่าร์ฟาร์มจึงไม่ควรซื้อขายมีส่วนลดจากกลุ่มโรงกลั่น
  • BBL(กรุงศรี)“ซื้อ"เป้า 233 บาท งบดุลแข็งแกร่ง(หนี้เสียต่ำ,coverage ratio สูง และเงินกองทุนสูง)สนับสนุนการเติบโต และความสามารถการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ (อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 3.5-4.0% ในปี 55-56) และด้านการประเมินมูลค่า ราคาหุ้นซื้อขาย 2013 P/BV ที่ 1.2 เท่า ต่ำที่สุดในธนาคารขนาดใหญ่ ตั้งข้อสังเกตุเรื่อง NIM ลดลงมาเกือบจะต่ำสุดในกลุ่มธนาคารใน 4Q55 สะท้อนความสามารถการทำกำไรอ่อนแอลง หากทิศทางของ NIM ยังไม่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นใน 1H56 อาจจะปรับลดคำแนะนำการลงทุนในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ