โดยมองว่าปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่อุตสาหกรรมจัดการกองทุนจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากความเข้าใจในการลงทุนที่ดีขึ้นของกลุ่มนักลงทุนในวงกว้าง รวมถึงความเชื่อมั่นในสัญญานการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะที่ในปี 55 ที่ผ่านมาสามารถเติบโตได้ 15% พร้อมสินทรัพย์ภายใต้การจัดการร่วม 8.5 แสนล้านบาท ซึ่งกองทุนรวมโตถึง 20% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพโตอย่างโดดเด่นขึ้นถึง 15% โดยมี AUM เกิน 1 แสนล้านบาทเป็น บลจ.แรก ในขณะเดียวกันกองทุนส่วนบุคคลยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ได้อย่างต่อเนื่อง
นายจงรัก กล่าวว่า บลจ. กสิกรไทย พร้อมจะขับเคลื่อนธุรกิจกองทุนโดยครองความเป็นผู้นำด้านการเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนที่มีความหลากหลาย เพื่อตอบรับความต้องการของนักลงทุน 3 กลุ่มหลัก ครอบคลุมสินทรัพย์ในหลากหลายความเสี่ยง ควบคู่กับการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่ผู้ลงทุน ทั้งกลุ่มที่มุ่งรักษาเงินต้นเป็นหลัก ซึ่ง บลจ. กสิกรไทย จะยังคงเป็นผู้นำในการนำเสนอกองบทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลกภายใต้การร่วมคัดกรองของ PIMCO ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในตราสารหนี้ระดับสากลเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทน ที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศ
ส่วนนักลงทุนที่เน้นการเติบโตของสินทรัพย์และมุ่งกระจายความเสี่ยงในประเทศซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทยจะมุ่งนำเสนอกองทุนใหม่ที่ลงทุนในสินสรัพย์ต่างๆ ทั่งโลกรวมทั้งจะยังคงนำเสนอกองทุนในลักษณะ Passive Fund ที่มุ่งเน้นการจัดการที่มีประสิทธิภาพภายใต้ต้นทุนที่ต่ำ พร้อมตอบโจทย์ทั้งผู้ลงทุนระยะยาวและผู้ที่นิยมซื้อขายทำกำไร และตอบสนองความต้องการลงทุนของกลุ่มที่มุ่งลงทุนเพื่อชีวิตวัยเกษียณด้วยกองทุน LTF-RMF และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อสะสมโอกาสความมั่งคั่งในระยะยาว
ในขณะเดียวกันได้แนะนำกลยุทธ์ในการลงทุน ปี 56 โดยที่มองว่า เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มมีสภาพค่ลองมากขึ้นจากการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายและสะท้อนความเสี่ยงในภาพรวมที่เริ่มลดลง แม้จะยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาอยู่บ้างแต่ก็สามารถเรียกความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนกลับมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นโดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นในเอเชีย ทองคำรวมถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ
ส่วนกลยุทธ์ตราสารหนี้ จะยังคงรักษา Portfolio Duration ที่ระดับปานกลางเพื่อเพื่อสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่อยู่ในลักษณะผ่อนคลาย โดยที่บริษัทจะยังคงเน้นการลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ซึ่งเชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้ามาลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศ และจะทยอยเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ธนาคาร โดยเฉพาะสถาบันการเงินภาครัฐที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ยังคงให้โอกาศรับผลตอบแทนดีโดยได้อานิสงส์จากการเร่งระดมเงินฝากเพื่อใช้สนับสนุนต่างๆของภาครัฐ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นมองว่า ตลาดหุ้นไทยจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวอย่างแข่งแกร่งของเศรษฐกิจไทย การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมทั้งอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมประชาคมอาเซี่ยน ซึ่ง บลจ.กสิกรไทย จะเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตดังกล่าว โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลกำไรบริษัทจดทะเบียน 20 % และเป้าหมาย SET index ในปี 56 ที่ 1,550-1,600 จุด