ทั้งนี้ นโยบายการลงทุนจะเหมือนกับกองทุนทริกเกอร์ (8) ซึ่งจุดเด่นจะอยู่ที่การเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่เร็วขึ้นจากการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ 2 ครั้ง โดยครั้งแรก เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาทต่อหน่วยขึ้นไป ณ วันทำการใด บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 5% ของมูลค่าที่ตราไว้หรือ 0.50 บาทต่อหน่วย ภายใน 5 วันทำการ จากวันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยจะโอนเงินค่าขายหน่วยเข้าบัญชีธนาคารให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน และครั้งที่สอง เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 11 บาทต่อหน่วย ณ วันทำการใด บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมดภายใน 5 วันทำการ จากวันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยจะโอนเงินค่าขายหน่วยเข้าบัญชีธนาคารให้กับผู้ถือหน่วยเช่นกัน
“ข้อดีของการลงทุนในรูปแบบนี้อยู่ที่เมื่อตลาดอยู่ในภาวะผันผวน ลูกค้าจะสามารถลดความเสี่ยงโดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุน 0.50 บาทต่อหน่วย ออกไปก่อน และนำผลตอบแทนไปลงทุนต่อเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มได้ ขณะเดียวกัน การตั้งเป้าหมายการลงทุนในตลาดหุ้นที่ 11.00 บาทต่อหน่วย ด้วยการบริหารการลงทุนแบบ Absolute Return ซึ่งเป็นการบริหารการลงทุนด้วยการตั้งเป้าหมายผลตอบแทนในตลาดหุ้นในระดับที่ไม่สูงมากนัก โดยเราคาดว่าจะสามารถบริหารเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเหมือนกับทุกกองทุนที่ผ่านมา" นายจุมพลกล่าว
การเปิดขายกองทุนทริกเกอร์(9) เป็นผลจากประสบความสำเร็จในการบริหาร “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (7)" ที่สร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายภายในระยะเวลาลงทุนเพียงแค่ 1 เดือน 25 วัน ล่าสุด บลจ.ไอเอ็นจี ยังตอกย้ำความสำเร็จทางการขายของกองทุนกลุ่ม “อีควิตี้ ทริกเกอร์" ด้วยการปิดการเสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (8)" หลังจากที่เปิดให้นักลงทุนจองซื้อเป็นการทั่วไปในเวลาเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น โดยมียอดจองซื้อสูงถึง 4.3 พันล้านบาท
นายจุมพล กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้กองทุนประสบความสำเร็จอย่างดี โดยสามารถปิดการจองซื้อหลังจากเปิดจองเพียงแค่ 2 วัน จากกำหนดเดิมที่จะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 14-22 มกราคมนั้น นอกจากจะมาจากภาพรวมของตลาดหุ้นไทยซึ่งมีทิศทางที่ดี โดยดัชนีราคาหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านเงินทุนไหลเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น ถึงแม้ว่านับตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาพอสมควร
"แต่เรามองว่าจังหวะที่เราเริ่มลงทุนนั้นจะเป็นโอกาสดีที่จะเห็นตลาดมีการปรับฐาน ทำให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีหลายบริษัทที่ยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง และยังรวมถึงความไว้วางใจในผลงานการบริหารของกองทุนในกลุ่ม “อีควิตี้ ทริกเกอร์" ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.ไอเอ็นจี ที่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราสามารถปิดการขายได้ก่อนกำหนด"