ขณะที่ นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต กล่าวเสริมว่าภายใต้ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ธนาคารธนชาตวางไว้ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 55 เป็นหนึ่งในแรงเสริม ที่ทำให้ ธนาคารก้าวไปสู่การเป็นธนาคารชั้นนำของประเทศ รองรับการขยายตัวของฐานลูกค้า ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นตามปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยรายได้ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อ ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตจากการผสานพลังกันภายในกลุ่มธนชาต และการทำ Cross-sell ผ่านเครือข่ายสาขากว่า 600 สาขา
ส่วนของการควบคุมค่าใช้จ่ายยังคงทำได้ดี ภายใต้นโยบาย Zero Growth ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายคงที่ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามปริมาณธุรกิจเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการบริหารหนี้เสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ NPL ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งธนาคารยังมีฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยขนาดของเงินกองทุนมีสูงกว่า 1 แสนล้านบาท คิดเป็น BIS Ratio ประมาณ 14% สามารถรองรับแผนการเจริญเติบโตตามเกณฑ์ Basel III
“สำหรับแนวโน้มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในปี 2556 เชื่อว่าสินเชื่อจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากแรงกระตุ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ และการใช้จ่ายของภาครัฐ และด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่ได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2555 จะทยอยแล้วเสร็จภายในปี 2556 นี้ จะส่งผลให้ธนาคารธนชาตพร้อมในการพัฒนาสินค้าและบริการที่ดียิ่งขึ้น เพื่อยกระดับการให้บริการ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นตัวกลางทางการเงินที่ดำเนินธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมๆกับลูกค้า" นายสมเจตน์ กล่าว