โดยช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้ขยายลงทุนในประเทศเวียดนามเพิ่มเติมทั้งตอนเหนือและตอนใต้และล่าสุดได้รับมอบกิจการจาก SHELL แล้ว ซึ่งคาดว่า จะดันยอดขายเพิ่มอีก 50,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ ยังได้เร่งปิดโอนโปรเจ็คท์ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งคาดว่า จะแล้วเสร็จในไม่ช้า ส่งผลให้ SGP กลายเป็นผู้จัดจำหน่ายก๊าซแอลพีจีในรายใหญ่มาเลเซียตะวันออก ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายเพิ่มขึ้นอีกราวปีละ 100,000 ตัน
“การซื้อธุรกิจในเวียดนามและมาเลเซียนี้ จะทำให้เราสามารถสร้างยอดขายจากตลาดค้าส่งและค้าปลีกก๊าซแอลพีจีใน 2 ประเทศนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคาดว่า ยอดขายทั้งค้าปลีกและค้าส่งขนาดใหญ่ในตลาดต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง ซึ่งจะมีผลต่อสัดส่วนรายได้ของสยามแก๊ส ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ภายในประเทศกับต่างประเทศ อยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 ต่อ 50 ก็จะเพิ่มส่วนของต่างประเทศเป็นร้อยละ 60 และในประเทศลดเหลือร้อยละ 40" นายศุภชัย กล่าว
ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้วางแผนยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในระยะยาว โดยหวังจะใช้คลังก๊าซในจีนที่เมืองจูไห่ เมืองซัวเถา และคลังลอยน้ำ เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สร้างความได้เปรียบในการนำเข้าและส่งออกก๊าซแอลพีจีไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ เช่น ฮ่องกง มาเก๊า ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา ส่งผลให้สยามแก๊สเป็นที่ยอมรับและมีลูกค้าที่ซื้อขายแบบมีสัญญาแน่นอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงคลังดังกล่าวยังมีส่วนในการสนันสนุนธุรกิจค้าปลีกบริษัทย่อยในประเทศต่างๆ ที่เข้าไปลงทุนด้านซัพพลายเชน เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
กรรมการผู้จัดการ SGP กล่าวอีกว่า ส่วนภาพรวมการทำตลาดตลาดก๊าซแอลพีจีในประเทศนั้น บริษัทฯ ยังเดินหน้ารุกทำตลาดเพื่อรองรับความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นพลังงานเชื้อเพลิงทั้งในภาคครัวเรือน อุตสาหกรรมและขนส่งที่มีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง