"ในปีนี้บริษัทจะเน้นเปิดตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดรถยนต์เกาหลี ที่ปัจจุบันเริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในตลาดอเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง ที่หันมานิยมใช้รถยนต์สัญชาติเกาหลี เพราะมีราคาถูก โดยเฉพาะการใช้เป็นรถแท็กซี่ ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนอะไหล่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังเน้นชิ้นส่วนรถยนต์ Eco Car และตลาด ASEAN มากขึ้น เพื่อรองรับการเปิดเสรี AEC ในปี 58" นายสมพล กล่าว
ทั้งนี้ในปี 56 ว่าบริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอในปี 55 เพื่อใช้ลงทุนผลิตแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มอีกกว่า 150 แบบ จากเดิมที่มีอยู่แล้วประมาณ 1,500 แบบ โดยคาดว่าแม่พิมพ์ใหม่จะช่วยเพิ่มรายได้ประมาณ 100-150 ล้านบาทต่อปี และสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 40-50% ทั้งนี้บริษัทฯ
สำหรับเป้าหมายรายได้รวมปี 56 นี้ นายสมพล กล่าวว่า ตั้งเป้าหมายเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท หลังจากกำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 42% จากเครื่องจักรใหม่ 9 ตัว ที่ติดตั้งเสร็จไปแล้ว 6 ตัวเมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมาและอีก 3 ตัวที่จะติดตั้งแล้วเสร็จในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ประกอบกับแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศที่น่าจะเติบโตได้อีกประมาณ 3-5% จากโครงการรถคันแรก ที่จะมีการส่งมอบต่อเนื่องอีกในไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ของปีนี้
ด้านของผลการดำเนินงานงวดปี 55 โดยรวมแล้วถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในส่วนของรายได้เติบโตประมาณ 20% อยู่ที่ประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิของ FPI งวด 9 เดือน ปี 55 อยู่ที่ 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 64 ล้านบาท หรือประมาณ 100% ส่วนไตรมาส 4/55 ผลการดำเนินงานของ FPI ยังสามารถเติบโตได้ในระดับที่ดี ทำให้เชื่อมั่นว่าทั้งรายได้และกำไรของบริษัทฯ ในปี 55 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปี 54
สำหรับการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นนั้น ได้มีการจ่ายระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.12 บาท ในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ส่วนงวดครึ่งหลังของปีจะมีการจ่ายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมติคณะกรรมการที่จะมีการประชุมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 56 นี้