นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย)(SMT) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นรอบนี้เป็นผลบวกต่อบริษัทเพราะบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรไว้ตั้งแต่กลางปี 55 ซึ่งต้องจ่ายเป็นเงินดอลลาร์มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท โดยกลางปี 55 เจรจาซื้อเครื่องจักร ณ เวลานั้น ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 30.8 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่วันนี้บาทแข็งค่ามาที่ 29.9 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นมาใกล้ๆ 1 บาท หรือคิดเป็น 3-4% ซึ่งจะทยอยจ่ายเงินดอลลาร์ในปีนี้ ประกอบกับปีนี้บริษัทจะต้องได้รับเงินประกันชดเชยน้ำท่วมซึ่งจ่ายเป็นเงินบาทเข้ามา
สำหรับปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเพิ่มขึ้นไปที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงก่อนน้ำท่วม เติบโตอย่างมากจากปี 55 ที่ผิดปกติเพราะยังได้รับผลกระทบน้ำท่วมเครื่องจักรเพิ่งติดตั้งเสร็จปลายปี 55
ปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มในส่วนของสินค้าแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC) เพิ่มขึ้น โดยปีนี้บริษัทจะปรับสัดส่วนรายได้เป็นสินค้าไอทีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะไอซีแพ็กเก็จจิ้ง เพิ่มเป็น 65% และสินค้าชิ้นส่วน MMA เหลือ 35% จากปี 55 สัดส่วนที่ 35:65 %
"ที่จะขยายกำลังการผลิตเพราะเราจะไปเน้นธุรกิจไอทีแพ็กเก็จจิ้งเพื่อเป็นสินค้า value add จากเหตุผล 2 ข้อ เพราะมีออร์เดอร์ที่ไม่สวิงมาก และมาร์จินค่อนข้างสูงกว่าสินค้า MMA ซึ่งถ้าได้ลูกค้าที่ดีจาก 2 ส่วนนี้จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างมาก และมาร์จินเฉลี่ยก็จะสูงขึ้น"
นายพลศักดิ์ กล่าวว่า ไตรมาส 4/55 จากเดิมที่คาดว่าจะได้รับเงินประกันชดเชยน้ำท่วมเข้ามาอีก 800 ล้านบาท เพื่อให้ครบจำนวน 2,000 ล้านบาทที่เคลมได้ แต่ ณ ขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากบริษัทประกัน แต่เชื่อว่าภายในปี 56 น่าจะได้ครบทั้งจำนวน 800 ล้านบาท จากงวด 9 เดือนได้แล้ว 1,130 ล้านบาท