นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SAMART กล่าวว่า ปี 55 อัตราการเติบโตของกำไรที่เพิ่มขึ้นทะลุ 1 พันล้านบาทและการเติบโตของรายได้ประจำ ซึ่งในปี 55 มีรายได้ประจำถึง 5,400 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของรายได้รวม ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจโมบายก็ส่อแววฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดนับจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายเครื่องไอ-โมบาย Smart Phone ถึง 400,000 เครื่องในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ส่วนธุรกิจด้านไอซีที แม้จะมีการดีเลย์ของบางโครงการ แต่ก็ยังกวาดงานเข้ามาในมือรวมมูลค่าสัญญากว่า 7,000 ล้านบาท
ในปี 56 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 30,000 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากสาย ICT Solutions 15,000 ล้านบาท Mobile Multi-media 11,000 ล้านบาท สายธุรกิจ Related Businesses 2,400 ล้านบาท และสายธุรกิจ Utility Services 1,655 ล้านบาท
สำหรับสาย ICT Solutions นำโดย SAMTEL ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท คาดกำไร 70% ปัจจุบันมีงานสะสมในมือ ( Backlog) มูลค่ารวมกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายเข้าประมูลงานใหญ่รวมมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ 3G เฟส 2 ของทีโอที รวมถึงโครงการต่างๆของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, กรมสรรพากร, กรุงเทพมหานคร และอื่นๆ
สาย Mobile Multi-media นำโดย บมจ.สามารถไอ-โมบาย ตั้งเป้ารายได้ที่ 11,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 200% โดยปี 56 จะเป็นปีแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจโมบายและคอนเทนต์ อันเนื่องมาจากการขยายเครือข่าย 3G อย่างจริงจังและรวดเร็วของทุกค่ายโอเปอเรเตอร์ ก่อให้เกิดโอกาสทางการตลาดอย่างมหาศาล บริษัทฯ จึงตั้งเป้ายอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในปีนี้ 3.2 ล้านเครื่อง คิดเป็น Smart Phone 2.2 ล้านเครื่อง หรือ 70% ของจำนวนเครื่องทั้งหมด ล่าสุดประกาศเปิดตัว iQ6 ในราคาสุดคุ้มตามสไตล์ไอ-โมบาย
ด้านธุรกิจ MVNO ภายใต้ i-mobile 3GX มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มเป็น 1.2 ล้านรายในสิ้นปี 56 สำหรับแผนงานเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มโมบาย-มัลติมีเดียในระยะยาวได้มีการกำหนดเป้าหมายไว้ว่าภายใน 3 ปี ผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มโมบาย-มัลติมีเดีย อาทิ โทรศัพท์มือถือ บริการคอนเทนต์ และบริการ MVNO จะต้องเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตแบบ Mobility ของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยจะมุ่งเน้นที่กลุ่ม Mass ซึ่งมีฐานตลาดขนาดใหญ่
สายธุรกิจ Related Businesses ตั้งเป้ารายได้ 2,400 ล้านบาท จากบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด ผู้ให้บริการ Contact Center คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในไตรมาส 3/56 และเตรียมขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศทั้งกัมพูชา พม่า และลาว ต่อไป ด้านบริษัท สามารถวิศวกรรม จำกัด ปัจจุบันได้ขยายไลน์การผลิตจากเสาอากาศและจานดาวเทียมไปสู่อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญานอื่นๆ เช่น กล่องรับสัญญานดิจิตอลทีวี มั่นใจว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างชัดเจน ส่วนบริษัท วิชั่นแอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด ปัจจุบันมีงานในมือมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท และมีงานที่จะเข้าประมูลในปีนี้ มูลค่าราว 1,200 ล้านบาท
และ สุดท้ายสายธุรกิจ Utility Services ตั้งเป้ารายได้ 1,655 ล้านบาท โดยนอกจากจะมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด (CATS) และบริษัท Kampot Power Plant จำกัด ผู้ผลิตไฟฟ้าป้อนแก่โรงงานปูนซิเมนต์ไทยที่ประเทศกัมพูชาแล้ว ยังมีความคืบหน้าในการขยายธุรกิจด้านสาธารณูปโภคและพลังงานอย่างต่อเนื่อง เช่น การควบรวมกิจการบริษัท เทด้า จำกัด ผู้เชี่ยวชาญทางด้านงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าและระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งต่อไปจะเป็นหัวหอกสำคัญในการขยายธุรกิจด้านพลังงานทั้งนี้ มีแผนในการเข้าร่วมประมูลโครงการมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทในระยะเวลา 3 ปี
“บริษัทฯ ตอบรับความท้าทายอย่างมั่นใจด้วยการตั้งเป้ารายได้ในปี 56 แบบก้าวกระโดดถึง 3 หมื่นล้านบาทและในแผนงานของทุกธุรกิจในเครือก็ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ประจำและการเติบโตแบบยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า กลุ่มสามารถจะต้องมีรายได้ประจำไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท"นายวัฒน์ชัย กล่าว