ทั้งนี้ เชื่อว่าหุ้น EA จะกระจายสู่นักลงทุนทั้งรายใหญ่ รายย่อย และสถาบันอย่างทั่วถึง - เนื่องจากมีการจัดจำหน่ายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ถึง 14 แห่งด้วยกัน ประกอบด้วย บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล. โนมูระ พัฒนสินและ บล. ไทยพาณิชย์ ในฐานะแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย รวมไปถึงผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 11 แห่ง ได้แก่ บล. คันทรี่กรุ๊ป, บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ,บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) , บล.ไอร่า, บล.เอเซีย พลัส, บล. ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย), บล.โกลเบล็ก, บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ,บล. เคทีบี (ประเทศไทย) , บล. เคที ซีมิโก้ และ บล.โอเอสเค (ประเทศไทย)
นายสมภพ กล่าวว่า EA ถือเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง อยู่ในธุรกิจพลังงานทดแทน ที่มีรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ทั้งในส่วนของไบโอดีเซล ที่ปัจจุบันมีการเติบโตของกำไรอย่างเนื่อง และธุรกิจที่จะเป็นจุดเด่นที่สำคัญในอนาคต คือโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ปัจจุบันเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าได้แล้ว 8 เมกะวัตต์ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งจะรับรู้รายได้อย่างเต็มที่ในปี 56
EA ยังเตรียมนำเงินที่ได้จากการขายไอพีโอส่วนหนึ่งไปลงทุนโครงการขนาด 90 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 56 จากนั้นจะลงทุนต่อเนื่องอีก 90 เมกะวัตต์ที่จังหวัดลำปาง และอีก 90 เมกะวัตต์ที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจะส่งผลให้ EA มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการรวม 278 เมกะวัตต์ในปลายปี 58 ทุกโครงการได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการขยายธุรกิจไปยังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในอนาคต ซึ่งจะทำให้ EA มีการเจริญเติบโตและสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง