BCP ยังมีธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถสร้าง Cash flow ที่ดี ทำให้มีความสม่ำเสมอในเรื่องของกำไร อีกทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงในด้านรายได้ให้กับ BCP ด้วย จากเดิมที่พึ่งพารายได้แต่เฉพาะจากธุรกิจโรงกลั่นอย่างเดียว
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมงบลงทุนจำนวน 3 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวสู่ธุรกิจใหม่ ทั้งนี้คาดว่าจะมีการประกาศการเข้าลงทุนอย่างเร็วภายในกลางปีนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบันที่ช่วยสร้างสมดุลของความเสี่ยงจากธุรกิจโรงกลั่น และมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า 12%
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้(2556)ไว้ในช่วง 4,300-6,200 ล้านบาท เติบโตจากปี 2555 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 3,457-4,400 ล้านบาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 40.00
บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 39.34
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 39.00
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 38.00
บล.ไอร่า ซื้อ 38.00
บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 37.50
บล.กรุงศรี ซื้อ 37.00
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ปีนี้ผลประกอบการของ BCP จะออกมาดีขึ้นจากกำลังการผลิตที่ปรับตัวขึ้น ล่าสุดกำลังการผลิตอยู่ที่ 110,000 บาร์เรล/วัน ดังนั้นจึงได้มีการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น โดยปรับคาดการณ์ค่าเฉลี่ยกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น 11% จาก 90,000 บาร์เรล/วัน เป็น 100,000 บาร์เรล/วัน ส่วนการค่าการกลั่นเฉลี่ยปี 56 คาดว่าจะอยู่ที่ 7.5 เหรียญฯ/บาร์เรล
นอกจากนี้ BCP ยังมีธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่สามารถสร้าง Cash flow ที่ดี ทำให้มีความสม่ำเสมอในเรื่องของกำไร อีกทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงในด้านรายได้ให้กับ BCP ด้วย จากเดิมที่พึ่งพารายได้แต่เฉพาะจากธุรกิจโรงกลั่นอย่างเดียว พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 4,819 ล้านบาท เติบโต 40% จากปี 55 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 3,457 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 4/55 ของ BCP คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากงวดเดียวกันของปี 54 เนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมากในไตรมาส 4/55 ที่มีถึง 85,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/55 ที่มีกำลังการผลิต 40,000 บาร์เรล/วัน และค่าการกลั่นงวดไตรมาส 4/55 เฉลี่ย 8.2 เหรียญฯ/บาร์เรล
ส่วนนายชัยพัชร ธนวัฒโน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์ มองว่า ปีนี้ค่าการกลั่นจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยคาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ย 7.5 เหรียญฯ/บาร์เรลใกล้เคียงกับปี 55 ที่ค่าการกลั่นจะเฉลี่ยอยู่แถว 7.3-7.4 เหรียญฯ/บาร์เรล และปีนี้ BCP ยังมีกำไรจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่เข้ามามากขึ้นด้วย โดยคิดตามสัดส่วน EBIDA จะอยู่ราว 12-13% ซึ่งธุรกิจโซลาร์ฟาร์มนี้ทาง BCP จะมีการรับรู้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 4,300 ล้านบาท(ไม่นับรวมรายการพิเศษ)ขณะที่ปีที่แล้วคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4,400 ล้านบาท(ได้นับรวมรายการพิเศษจากทั้งเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน และรับเงินประกัน)แต่ทั้งนี้หากคิด Core profit(กำไรจากการดำเนินงาน)จะเห็นได้ว่าปี 55 คาดว่าจะมีกำไร 2,900 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 4,300 ล้านบาท ซึ่งในปี 56 BCP จะยังได้รับเงินค่าประกันเพียงแต่ตอนนี้รอการยืนยันตัวเลขที่แท้จริงจากทางบริษัทฯก่อน
ด้าน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น BCP เป็นหุ้นที่ชื่นชอบ เนื่องด้วยแนวโน้มผลประกอบการปี 56 ที่กลับมาเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มพลังงาน อีกทั้งเป็นโรงกลั่นที่มีความเสี่ยงในการดำเนินงานต่ำกว่าคู่แข่งจากการมีธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่มีสัดส่วน EBITDA คิดเป็น 20% เมื่อดำเนินงานครบทั้ง 3 เฟส
นอกจากนี้ บริษัทเปิดเผยว่าได้เตรียมงบลงทุนจำนวน 3 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวสู่ธุรกิจใหม่ ทั้งนี้คาดว่าจะมีการประกาศการเข้าลงทุนอย่างเร็วภายในกลางปีนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบันที่ช่วยสร้างสมดุลของความเสี่ยงจากธุรกิจโรงกลั่น และมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า 12%
พร้อมปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 56 ขึ้น 15% เป็น 6.2 พันล้านบาท (+48%YoY) โดยการเพิ่มประมาณการรายได้พิเศษจากเงินประกันเหตุเพลิงไหม้ในกรณีความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เหลืออีก 500 ล้านบาท (ทั้งหมด 800 ล้านบาท บันทึกใน 4Q55 แล้ว 300 ล้านบาท) และส่วนของธุรกิจหยุดชะงักที่คาดไว้ 300 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ปริมาณกลั่นน้ำมันปี 56 เท่ากับ 108 พันบาร์เรล/วัน (+43%YoY) หลังจากโรงกลั่นหน่วยที่ 3 กลับมาดำเนินงาน (เดือน พ.ย. และ ธ.ค. 55 ระดับการกลั่นเข้าสู่ระดับปกติที่ 96 พันบาร์เรล/วัน และ 110 พันบาร์เรล/วัน ตามลำดับ) ค่าการกลั่นพื้นฐานขยายตัวเป็น US$7.8/บาร์เรล (+8%YoY) และโครงการโซลาร์ฟาร์ม เฟส 2 (ขนาด 50 เมกะวัตต์) เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปลาย 1Q56