MATCH ดัน"Movie Town"เป็นศูนย์ธุรกิจถ่ายทำหนัง-โฆษณารับ AEC,คาดขาย PO มี.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 25, 2013 11:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมบุญ ชีวสุทธานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น(MATCH)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างมองหาที่ดินผืนใหญ่ขนาด 50-80 ไร่ใน กทม.เพื่อสร้างโครงการ Movie Town ประกอบด้วย สตูดิโอและอาคารจัดเก็บอุปกรณ์การถ่ายทำภาพยนตร์ รวมทั้งอาคารสำนักงาน โดยคาดว่าจะใช้เงินซื้อที่ดินราว 300-500 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการเฟสแรกจะเป็นการสร้างสตูดิโอ 2 แห่ง มูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท และอาคารจัดเก็บอุปกรณ์ 150 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปลายปี 56 และคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปี 58 ต่อจากนั้นจะเพิ่มจำนวนสตูดิโอเป็น 4 และ 8 แห่ง และขยายในส่วนอื่นออกไปด้วย

"เราจะทำ Movie Town เพื่อเป็นเป็นเมืองหรือชุมชนที่มีทุกอย่างครบวงจร ผมไม่ได้ทำใช้เอง แต่จะเปิดให้คนอื่นเข้ามาร่วมใช้ด้วย"นายสมบุญ กล่าว

นายสมบุญ กล่าวว่า แนวคิดของการทำ Movie Town คือการเป็นศูนย์รวมของการถ่ายทำภาพยนตร์ โฆษณา และรายการทีวี โดยมีจะสตูดิโอพร้อมอุปกรณ์ให้เช่ากับผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นศูนย์รวมของธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น ผู้จัดรายการ ผู้ผลิตภาพยนตร์ ผู้ผลิตโฆษณา และ โมเดลลิ่ง เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทเอวก็สามารถใช้ประโยชน์จาก Movie Town ด้วย

"พื้นที่ส่วนใหญ่จะเปิดให้พันธมิตรเข้ามาจับจองพื้นที่เข้ามาลงทุนเช่นกัน อนาคตจะเป็น Movie Town ที่มีทุกอย่างครบวงจร เราจะสร้างจากเฟสแรกค่อย ๆ ขยายออกไป ใครที่ต้องการใช้อุปกรณ์-สถานที่ก็ต้องมาหาเรา เขาก็จะสะดวกทุกอย่าง กองถ่ายหนังต่างชาติที่เข้ามาในอาเซียนก็ต้องมาหาเราเพราะเราจะเป็นเจ้าใหญ่สุด ไม่ว่าจะเข้าไปถ่ายหนังในพม่าหรือในลาว ไม่มีทางมีอุปกรณ์พร้อมเท่าเรา"นายสมบุญ กล่าว

สำหรับเงินลงทุนหลักจะมาจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป(PO) โดยบริษัทยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้นจำนวน 210 ล้านหุ้น ในช่วงปลายเดือน ม.ค.56 ขณะที่เตรียมประกาศงบการเงินปี 55 และไตรมาส 4/55 ที่คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดี จากนั้นจะสามารถกำหนดราคาเสนอขายหุ้น PO ช่วงต้นเดือน มี.ค. 56 และเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ได้ประมาณปลายเดือนมี.ค.โดยมี บล.เอเชียพลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

"ราคาขายหุ้นเพิ่มทุน เราจะให้ดิสเคาน์ 15% จากราคาตลาดถัวเฉลี่ย 15 วันหลังจากวันที่เริ่มไฟลิ่ง"นายสมบุญ กล่าว

นายสมบุญ ยังกล่าวว่า บริษัทมองโอกาสขยายธุรกิจด้วยแนวทางการเข้าซื้อกิจการหรือมี strategic partner เข้ามาร่วมทุน หากต้องการให้ธุรกิจเดิมเติบโตได้รวดเร็วขึ้น แต่ยังเป็นเรื่องที่ต้องเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณา ขณะที่ธุรกิจหลักคือการให้เช่าอุปกรณ์มีแนวโน้มเติบโตตามอุตสาหกรรมโฆษณาและภาพยนต์ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทเป็นผู้ประกอบการอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้ และมองว่าเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจเสรีอาเซียน (AEC) ประทศเพื่อนบ้านเราก็น่าดึงดูดต่างชาติที่จะเข้ามาถ่ายทำหนังสารคดี หรือภาพยนตร์ ซึ่งมีโอกาสที่จะเข้ามามาเช่าอุปกรณ์จากบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย

*ปี 56 กำไรโตชัด

นายสมบุญ คาดว่า อัตรากำไรสุทธิในปี 56 จะเพิ่มเป็น 15% จากปี 55 ที่มีประมาณ 10% เหตุผลหลักมาจากภาระค่าเสื่อมอุปกรณ์ของบริษัทลดลงอย่างมาก ทำให้คาดว่าปีนี้กำไรสุทธิจะเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่รายได้ปี 56 ตั้งเป้าเติบโต 30-40% จากปี 55 ที่คาดว่ารายได้เติบโตราว 10% จากปี 54 ที่มีรายได้ 600 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิในปี 55 เติบโตกว่าปี 54 ด้วยเช่นกัน โดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 55 มีกำไรสุทธิแล้ว 47.8 ล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 13.8 ล้านบาท

"ค่าเสื่อมเราลดลงไปก็ทำให้มาร์จิ้นได้สูงขึ้น อุปกรณ์ที่เรามีอยู่พร้อมนำมาหากิน โดยมูลค่าวันนี้อยู่ที่ 600 ล้านบาท แต่อุปกรณ์เกือบ 500 ล้านบาทตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว และเรามี cashflow ติดต่อมา 3 ปีแล้ว ปี 55 มี 140 ล้านบาท จากปี 54 มี 120 ล้านบาท เราเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้" กรรมการผู้จัดการ MATCH กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 56 สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทมาจาก ธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ 45% มีมาร์จิ้น 40% ส่วนธุรกิจรายการทีวี ซึ่งออกอากาศทางช่อง7 อาทิ รายการปลดหนี้ , คบเด็กสร้างบ้าน และตลกหลังตลาด มีสัดส่วนรายได้ 25% มีมาร์จิ้น 55-60% ธุรกิจภาพยนต์โฆษณาทั้งในและต่างประเทศ สัดส่วนรายได้ 10% มีมาร์จิ้น 30% ธุรกิจนิตยสาร มี"Cheeze"เป็นนิตยสารหลัก 10% มีมาร์จิ้น 30% และธุรกิจจัดงานEvent 10% มีมาร์จิ้น 20%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ