ล่าสุด SCC ได้ลงทุนในธุรกิจกระเบื้องเซรามิคในเวียดนาม โดยบริษัท เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด (SCC ถือหุ้น 100%) เข้าซื้อหุ้นบริษัท Pime Group สัดส่วน 85% เงินลงทุน 7.2 พันล้านบาท โดยบริษัท Pime Group เป็นหนึ่งในผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิกชั้นนำในเวียดนาม มี 6 โรงงาน กำลังการผลิตรวม 75 ล้านตร.ม.
นายกานต์ คาดว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน มี.ค.56 และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/56 ทั้งนี้ บริษัท Pime Group สร้างรายได้ประมาณ 5 พันล้านบาทต่อปี และมีกำไรมาตลอดการดำเนินงาน การเช้าซื้อครั้งนี้ทำให้ SCC เป็นผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิกรายใหญ่ในโลก เมื่อรวมกำลังการผลิตในไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
นอกจากนี้ SCC เตรียมลงทุนโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ในเวียดนามที่มีงบลงทุน 4.5 พันล้านเหรียญ
สำหรับการแข็งค่าของเงินบาทนั้น นายกานต์ กล่าวว่า บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้สัดส่วนครึ่งหนึ่งของมูลค่าการส่งออก และคาดว่าปีนี้ความต้องการปูนซิเมนต์ในประเทศสูงขึ้น ก็ทำให้การส่งออกลดลง
ขณะเดียวกัน เห็นว่าค่าเงินบาทช่วงนี้ค่อนข้างนิ่ง หลังจากช่วง 3 สัปดาห์แรกของปีปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเกิดจากเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก และเห็นว่าเงินบาทอยู่ในทิศทางเดียวกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ดูแลอย่างดี รวมทั้งไม่เห็นการโจมตีค่าเงินบาท
"ผมว่าตอนนี้ค่าเงินไม่ค่อยน่าห่วง ในแถบนี้ก็แข็งขึ้น และเศรษฐกิจไทยก็ดี"นายกานต์ กล่าว
ส่วนการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทนั้น นายกานต์ กล่าวยอมรับว่า บริษัทได้รับผลกระทบ โดยมีรายจ่ายเพิ่มประมาณ 700-800 ล้านบาท เพราะ supply chain ยาวมาก ก็ต้องกลับมาดูการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น และพัฒนาบุคคลากรที่เป็นสินทรัพย์ขององค์กรไม่ใช่ค่าใช้จ่าย(cost) ทั้งนี้ ในเวียดนามก็ปรับขึ้นค่าแรง 20% อินโดนีเซียปรับขึ้น 30-40%