สำหรับประเทศพม่าที่ได้มีการแต่งตั้งบริษัทผู้แทนจำหน่ายสินค้าอย่างเป็นทางการในไตรมาส 4/55 ที่ผ่านมานั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทราว 3 ล้านบาทในปีก่อน ส่วนปีนี้คาดว่ารายได้จากพม่าจะเติบโตขึ้นเป็น 30 ล้านบาท จากการที่พม่าเริ่มมีการพัฒนาทั้งโรงแรม โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ประกอบกับ เครื่องกรองน้ำในพม่ายังไม่ได้มาตรฐานหรือขาดการดูแลบำรุงรักษา บริษัทจะเข้าไปในส่วนของการบริการบำรุงรักษา และส่วนของการขายเครื่องกรองน้ำพร้อมติดตั้งให้กับโรงแรมและบ้านประชาชนทั่วไป
นายชวลิต กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับ บมจ.ช.การช่าง(CK)เพื่อจะขายสินค้าด้านความปลอดภัย ต่างๆ เพื่อที่จะใช้ในโครงการ เขื่อนไซยะบุรี ที่มูคค่าโครงการรวมกว่า 7 หมื่นกว่าล้านบาท และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 8 ปี เชื่อว่าหากได้เข้าไปขายสินค้าในโครงการนี้ก็จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ถึง 60 ล้านบาท/ปี
"เงินบาทที่เข็งค่าอยู่ในปัจจุบันเป็นผลดีต่อบริษัท โดยที่หากเงินบาทเข็งค่าขึ้น 1% จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิสูงขึ้น 0.6% จากที่ปกติบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5 %" นายชวลิต กล่าว
ด้านนายบุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PHOL กล่าวว่า ในปี 56 รายได้จะเติบโตจากเดิมที่ 15-20% จากที่คาดการว่าทั้งปี 55 จะมีรายได้ทั้งหมด 800 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทจะเริ่มขยายฐานธุรกิจออกสู่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง หลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างผู้บริหารใหม่ โดยการใช้จุดเข็งของบุคลากรที่มีคุณภาพที่เชี่ยวชาญตลาดในภูมิภาคที่ทางบริษัทมิอยู่ เป็นหัวหอกในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจอย่างจริงจังและพบว่ามีหลายประเทศที่สินค้าของบริษัทมีโอกาสเข้าไปสร้างฐานธุรกิจได้และมีทิศทางการเติบโตค่อนข้างดี ทั้งพม่า ลาว และ เวียดนาม เพียงแต่ต้องเลือกสินค้าให้เหมาะสมกับความตัองการของแต่ละตลาดเท่านั้น
"ขณะนี้บริษัทได้เข้าไปแต่งตั้งบริษัทผู้แทนจำหน่ายสินค้าในประเทศพม่าอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป"นายบุญชัย กล่าว
ขณะเดียวกันตลาดในประเทศไทยยังคงมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม หรือธุรกิจเซฟตี้ที่ปีนี้มั่นใจว่ายังเติบโตได้ดี ตามการขยายตัวของภาคการผลิต และการขยายธุรกิจของบริษัท ที่ดำเนินการพร้อมกันทั้งการนำเข้าสินค้าใหม่เข้ามาจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น การขยายฐานกลุ่มลูกค้า และการขยายช่องทางขายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่เน้นจัดจำหน่ายผ่านทางตัวแทนจำหน่ายและขายตรงสู่โรงงานเน้นการขยายช่องทางการขายส่งและขายปลีกเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ยอดขายในกลุ่มเซฟตี้ เติบโตได้เป็นอย่างดี
ประกอบกับธุรกิจน้ำจะกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นอีกครั้ง จากการมุ่งขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจน้ำจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 10% ของรายได้รวม จากปีก่อนที่ทำได้เพียง 5%