โบรกฯหนุน"ซื้อ"BTS ลุ้นปันผลพิเศษตั้งกองทุนโครงสร้างพฐ.-ไร้แผนลงทุนต่อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 28, 2013 11:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ เห็นพ้อง "ซื้อ" บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS)รับประโยชน์จากการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน คาดมีนักลงทุนสนใจซื้อจำนวนมากเพื่อลุ้นรับผลปันผลพิเศษหลังตั้งกองทุนฯ นอกจากนี้ เชื่อว่าจำนวนผู้โดยสารจะไม่ลดลง แม้บริษัทอาจมีการปรับขึ้นราคาตั๋วโดยสารอีก 10% หลังการเพิ่มจำนวนตู้อีก 23-30% รองรับการขยายบริการ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังขาดความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการลงทุนต่อเนื่อง หลังได้รับเงินจากการขายกองทุนฯ เพราะเป็นโครงการที่เกี่ยวโยงกับโครงการประมูลภาครัฐที่ต้องรอเวลายื่นประมูลและรอโครงการก่อสร้างเส้นทางใหม่สำเร็จก่อน

                 โบรกเกอร์              คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย(บาท)
                 บล.กรุงศรีอยุธยา         ซื้อเก็งกำไร           6.20
                 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง      ซื้อ                  9.10
                 บล.ธนชาต              ซื้อ                  9.30
                 บล.โนมูระ              ซื้อเก็งกำไร           7.80
                 บล.ดีบีเอสฯ             ซื้อ                  8.30

นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ให้ราคาพื้นฐาน BTS ที่ 6.20 บ./หุ้น โดยยังไม่ได้รวมเรื่องการคาดการณ์ว่าจะมีการจ่ายปันผลพิเศษหลังตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 0.80-1 บ./หุ้น แต่มองว่าราคาหุ้นสูงเกินไป มี P/E 56 เท่า ของกำไรปี 56 ซึ่งถือว่าสูง ส่วนปี 57 PE อาจลดลงมาเหลือ 36 เท่า ได้แต่เนื่องบริษัทเตรียมการขายรถไฟฟ้าเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งหลังจากนั้นจะทำให้บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรเหลือ 1 ใน 3 เท่านั้น เพราะจะเข้าถือกองทุนฯราว 33%

ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานจะแตกต่างจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นโครงการที่เกี่ยวโยงจากโครงการภาครัฐเป็นหลัก ขึ้นอยู่กับสัมปทาน และการปรับขึ้นราคาทำได้ไม่มาก ทำให้ IRR อยู่ที่ 8% ขณะที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ จะดำเนินการโดยภาคเอกชนสามารถปรับขึ้นราคาได้อิสระทำให้มี IRR มากกว่า 10%

"มองแบบ conservative ราคาหุ้นเกินมูลค่าพื้นฐานแล้ว ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม และเท่าที่คุยกับผู้บริหารเงินที่ได้จากการขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก็จะเอาไปฝากแบงก์ ได้ดอกเบี้ยตกปีละ 700-800 ล้านบาท สะท้อนว่ากำไรไม่โต เพราะบริษัทยังไม่มีแผนจะเอาไปซื้อโครงการอื่นๆ เพราะต้องใช้เวลายื่นประมูล กว่าโครงการที่ประมูลเสร็จยังไม่เวลาอีก 3-5 ปี...มองว่า DE ของบีทีเอส ยังต่ำแค่ 0.7 เท่า ยังไม่เห็นจำเป็นต้องตั้งกองทุนฯ ยังสามารถกู้แบงก์ได้ หากเทียบกับ BMECL ยังมี DE ที่สูงกว่าอีก"นายสิทธิเดช กล่าว

อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมของธุรกิจ BTS ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสาร 12-15% และบริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนตู้อีก 30% ให้สอดรับกับจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งจะเป็นผลดีในระยะยาว

ด้านนายจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ได้ปรับราคาเหมาะสม BTS เป็น 9.10 บ. โดยสะท้อนมูลค่าของ VGI ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ สมมติฐานว่า BTS จะปรับขึ้นราคาตั๋วโดยสาร 10% จากจำนวนตู้ที่เพิ่มขึ้น 23% ประกอบกับการเปิดเดินรถส่วนต่อขยายใหม่ของ กทม.จะทำให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 3%

ทั้งนี้ คาดว่าปี 56/57 BTS จะมีกำไรสูงถึง 3.5 พันล้านบาท เติบโต 77% และได้โอกาสจากการปันผลพิเศษราว 12% รวมถึง upside ที่สำคัญที่สุด และใหญ่ที่สุด คือผลตอบแทนการลงทุนหลังการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นความชัดเจนการลงทุนต่อเนื่องของบริษัท หลังจัดตั้งกองทุนโครงสร้งพื้นฐานฯ เนื่องจากต้องรอดูเงื่อนไขการเปิดประมูลเดินรถไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 2/56 เบื้องต้นหากบริษัทนำเงินไปที่ได้จากการขายโครงการรถไฟฟ้าเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ไปลงทุนในธุรกิจรับจ้างเดินรถไฟฟ้า คาดว่าจะมี IRR อย่างต่ำ 12%

บล.ธนชาต วิเคราะห์ว่า BTS จะขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐานในไตรมาส 1/56 และคาดว่าจะมีความต้องการซื้อกองทุนฯ เป็นจำนวนมาก ซึ่งน่าจะได้รับอัตราผลตอบแทนเดียวกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของ Tesco ซึ่งให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ 5% และได้รับการยกเว้นภาษีน่าจะทำให้ BTS ขายกองทุนได้ในราคา 6 หมื่นล้านบาท มากกว่าขั้นต่ำที่คาดไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท

มองว่าการออกกองทุนฯ แทนที่กำไรจะลดลงจากรายได้ค่าโดยสารที่จะขายให้กองทุน แต่ได้ปรับเพิ่ม normalized EPS ของ BTS ขึ้นราว 15-15.6% ในปี 56-57 เนื่องจากคาดว่าการสูญเสียรายได้ค่าโดยสารสุทธิจะถูกชดเชยโดยรายได้เงินปันผลจากกองทุนฯ หลังจาก BTS เข้าซื้อหน่วยลงทุนจำนวนหนึ่งในสามของกองทุนฯ รายไ ด้ดอกเบี้ยจากเงินที่ได้จากกองทุนและสำรองไว้สำหรับการลงทุนในโครงการขนส่งมวลชนใหม่ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับเส้นทางเดินรถไฟฟ้าหลักจะถูกโอนเข้ากองทุนฯ และการประหยัดภาษี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ