“บริษัทฯจะเน้นขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น จากการนำทีมมาร์เก็ตติ้งลงพื้นที่พร้อมกับผู้บริหารเพื่อศึกษาแผนงานในการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดให้มากกว่าปีก่อนประกอบกับกระจายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น"นายทรงวุฒิ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนจะจัดงานสัมมนาให้ความรู้เรื่องการลงทุนในทองคำ การออมทอง เพื่อให้นักลงทุนได้รับประโยชน์สูงสุด รวมถึงจัดกิจกรรม การออกบูธต่างๆ เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรงให้เข้าใจเรื่องการลงทุนได้มากขึ้น เนื่องจากต้องยอมรับว่ายังมีกลุ่มนักลงทุนอีกหลายกลุ่มที่ยังไม่เข้าใจเรื่องการออมทอง หรือ การลงทุนในทองคำ ดังนั้นจึงมองว่าแผนการตลาดที่เข้าถึงตัวผู้บริโภคได้ง่าย และเร็วที่สุด จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ โดยบริษัทฯจะมีการจัดสัมมนาในหัวข้อ“หมอหุ้นปะทะหมอโหร เปิดพอร์ตรับปีมะเส็ง" ในวันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2556
นายทรงวุฒิ กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าเยอรมนีต้องการนำทองคำที่ฝากไว้กับประเทศต่างๆอาทิเช่น สหรัฐ ฝรั่งเศส อังกฤษ ฯลฯ กลับมาสู่ประเทศของตนโดยอ้างถึงความมั่นคงทางการคลัง ส่งผลให้ผู้จัดการกองทุนต่างๆรวมถึงนักลงทุนซึ่งก่อนหน้านี้มีการลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำหรือ SPDR เริ่มหันกลับมาลงทุนในทองคำแท่งที่สามารถจับต้องได้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับโครงการออมทองที่เป็นการเก็บสะสมเงินออมของนักลงทุนในรูปของทองคำแท่ง
ทั้งนี้ โปรแกรมออมทองนั้น บริษัทฯแนะนำให้มีการออมเกิน 1 ปีขึ้นไป เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ซึ่งช่วงที่ผ่านมาถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี หากเปรียบเทียบกับการออมในแบบออมทรัพย์ หรือเงินฝากจะได้ผลตอบแทนราว 2-3% ต่อปี ส่วนโปรแกรมออมทองได้รับผลตอบแทนประมาณ 5-10% และเชื่อว่าในปี 56 จะมีลูกค้าที่สนใจโปรแกรมดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนเพราะนอกจากจะได้ผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนระยะยาวแล้ว ยังถือเป็นการสนับสนุนการออมอีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในช่วงไตรมาส 1/56 นั้น นายทรงวุฒิ กล่าวว่า ราคาทองคำมีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการคงดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปอย่างน้อยกลางปี 58 และมาตรการผ่อนคลายทางการเงินครั้งที่ 3 และ 4 ของธนาคารกลางสหรัฐฯที่ประกาศใช้ในปี 55 โดยถือเป็นปัจจัยหนุนระดับราคาทองคำในระยะกลาง-ยาว ดังนั้น คาดกรอบราคาทองคำในครึ่งปีแรกน่าจะอยู่ในระดับ 1,520-1,800 ดอลลาร์/ออนซ์
พร้อมทั้งให้จับตา ปัจจัยที่ยังคงมีความกังวลในเรื่องปัญหาหนี้สินของประเทศสเปน เนื่องจากหนี้เสียภาคอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์สเปน มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลงทำให้ธนาคารของสเปนอาจต้องมีการเพิ่มทุน ซึ่งก็ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป ส่วนกรีซคาดว่าน่าจะคลี่คลายขึ้น