"การตั้งราคาดังกล่าวเมื่อเทียบกับ P/E ปัจจุบันของบริษัทจดทะเบียนและหมวดธุรกิจที่นำมาเปรียบเทียบ จะมีส่วนลดประมาณ 20% ซึ่งจะมีการสำรวจความต้องการซื้อหุ้นจากนักลงทุน (Book Building) โดยราคาขายสุดท้ายจะอยู่ที่ผลการ Book Build ของนักลงทุนสถาบัน"น.ส.พัชพร กล่าว
ทั้งนี้ P/E ของบริษัทฯ จะปรับลงได้อีกมากจากการเติบโตของผลประกอบการในปีนี้ที่มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนอย่างชัดเจน จากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมในโครงการที่ 2 และ 3 ซึ่งมีขนาดโรงละ 5 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในต้นไตรมาส 2/56 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้ และสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวต่อเนื่อง
“เรากำหนดช่วงราคาขายหุ้น IPO ที่ระดับราคา 4.96 — 5.00 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาเหมาะสมและมีส่วนลดให้กับนักลงทุนในระดับที่น่าพอใจ หากพิจารณาจากผลประกอบการในงวด 9 เดือนที่ผ่านซึ่งมีรายได้เติบโตกว่าร้อยละ 55 ในขณะที่กำไรเติบโตกว่าร้อยละ 77 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
อีกทั้งทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจหลักของบริษัทคือธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ด้านระบบบำบัดน้ำเสียและระบบสำรองน้ำ และกลุ่มธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรม มีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางที่สดใส ประการสำคัญ ในปีนี้บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้ทั้ง 3 โรง ซึ่งคาดว่าจะสะท้อนให้ P/E ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับประโยชน์อย่างชัดเจน" น.ส.พัชพร กล่าว