ทั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งให้บล.ฟินันเซียไซรัส เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก จำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.50 บาท/หุ้น โดยเงินที่ระดมทุนได้บริษัทจะใช้เป็นเงินทุนเหมุนเวียนในกิจการ และลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการออกแบบเครื่องจักร
หลังจากการเสนอขายหุ้น IPO โครงสร้างผู้ถือหุ้นเปรับเปลี่ยนดังนี้ สัดส่วนของครอบครัวราชพลสิทธิ์จะลดลงเหลือ 32.7%จาก 46.45% ส่วนกลุ่มผู้บริหารเหลือ 28.39% จาก 40.22% ส่วนพนักงานและอื่นๆ อยู่ที่ 9.41% จาก 13.33% ขณะเดียวกันจะมีสัดส่วนการขายหุ้น IPO 29.41%
นายนรากร กล่าวว่า ปี 56 นี้บริษัทฯ ตั้งเป้าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 30% จากที่ปี 55 มีรายได้ที่ 9 เดือน 227 ล้านบาท หลังจากมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในการจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และยังมีรถ Eco car ที่ยังมีการพัฒนาและจะยังมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ อีกมาก จึงทำให้ในปีนี้บริษัทจะยังมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ปัจจุบัน บริษัทฯมีมูลค่างานในมือ(Backlog) อยู่ถึง 70-80 ล้านบาท ที่จะสามารถรับรู้ทั้งหมดได้ในปี 56
ในขณะเดียวกันในปี 56 นี้บริษัทฯจะสามารถทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นจาก 9 เดือนของปี 55 ที่อยู่ในระดับ 27% และอัตรากำไรสุทธิที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นจาก 5.07% หลังจากนำเงินทุนจากการขายหุ้น IPO มาใช้พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศจะทำให้บริษัทษามารถผลิตได้เพิ่มมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องมีการเพิ่มเครื่องจักร ประกอบกับ บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาบุคลากรเพื่อที่จะรองรับการขยายตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำให้บริษัทจะไม่ได้ใช้เงินทุนในส่วนนี้มากเท่ากับปีก่อนๆ
นายนรากร ยังเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้บริษัทฯได้มีการทำแผนธุรกิจ 3 ปีไว้ โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 30% ของยอดขาย จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ขณะเดียวกันจะเข้าไปเปิดศูนย์จำหน่ายและบริการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรต่างๆ ในประเทศที่ได้มีการจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯอยู่แล้วคือ อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายเติบโตมากขึ้น