"ปีนี้เราจะพยายาม maintain มาร์จิ้นใกล้เคียงปีก่อน สุดท้ายตัวเงินก็จะเยอะขึ้น ส่วนปัญหาต้นทุนคิดว่าควบคุมได้"กรรมการผู้จัดการ STEC กล่าว
บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปี 56 จำนวน 2.1-2.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.9 หมื่นล้านบาท เป็นการรับรู้จากงานในมือ(backlog) ณ สิ้นเดือน ธ.ค.55 มีจำนวน 6 หมื่นล้านบาท
พร้อมคาดว่าในปีนี้บริษัทจะได้รับงานใหม่เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส 1/56 มีงานเซ็นสัญญาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ลงนามสัญญากับ บมจ.กสท โทรคมนาคม เพื่อรับงานออกแบบและก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่และอาคารแวดล้อมแห่งใหม่ มูลค่า 2,279 ล้านบาท และในสัปดาห์หน้าจะมีการลงนามสัญญาในโครงการสร้างศูนย์ฝึกอบรมผู้บริหารเครือซีพีที่ปากช่อง มูลค่า 1.6 พันล้านบาท
หลังจากสัปดาห์ที่แล้วบริษัทเพิ่งลงนามในสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต งานสัญญา 1 ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับกิจการร่วมค้าเอสยู ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง STEC กับ บมจ.ยูนิค เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น (UNIQ) มูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาท โดย STEC มีส่วนร่วมในงานดังกล่าว 60% คิดเป็นมูลค่างานราว 1.7-1.8 หมื่นล้านบาท
"งานที่ประมูลในปีนี้มี 1 แสนล้านบาทขึ้นไป ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ รัฐสภา ซึ่งถ้าดูตาม Record จะได้งานประมาณ 25-30% ของงานที่เข้าประมูล ส่วนงานบริหารจัดการน้ำเราไม่ได้ร่วมเพราะเป็นขั้นตอน concept design เรารองานรับเหมา...งานใหม่ปีนี้เกินเป้าไปแล้ว แต่พอเกินเป้า เราก็ตั้งมาร์จิ้นสูงขึ้น โอกาสได้งานก็น้อยลง"นายภาคภูมิ กล่าว
ปัจจุบัน มูลค่าตลาดรวม(Market Cap.)ของหุ้น STEC ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของกลุ่มผู้รับเหมา โดยมีมูลค่าประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่หุ้นบมจ.ช.การช่าง (CK) มี Market Cap. อยู่ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท และ หุ้น บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ (ITD) มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท
ราคาหุ้นทั้ง 3 บริษัทในวันนี้ต่างทำนิวไฮ ได้แก่ STEC ทำราคาสูงสุดที่ 30.75 บาท CK อยู่ที่ 21.30 บาท และ ITD อยู่ที่ 6.35 บาท