ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 75,454 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 29, 2013 09:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (21 — 25 มกราคม 2556) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 377,270 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 75,454 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 24% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 71% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 268,914 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 91,147 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 6,577 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB176A (อายุ 4.5 ปี) LB15DA (อายุ 2.9 ปี) และ LB155A (อายุ 2.4 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 20,005 ล้านบาท 12,895 ล้านบาท และ 11,971 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB13212A (อายุ 14 วัน) CB13221C (อายุ 28 วัน) และ CB13425B (อายุ 91 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 41,634 ล้านบาท 34,106 ล้านบาท และ 30,298 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT14DA (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 1,005 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รุ่น THAI165A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 718 ล้านบาท และ หุ้นกู้ของบริษัท เมอร์เซเดส — เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น MBTH14DA (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 602 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตราสารอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง +1 ถึง +4 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) และปรับลดลงในตราสารอายุ 1 เดือน ประมาณ -2 Basis Point โดยอัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในตราสารระยะกลางถึงระยะยาว ส่วนหนึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องมาจากสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มปรับกลยุทธ์การลงทุนโดยการขายตราสารระยะยาวออกมาบางส่วน ตามความกังวลในเรื่องของพันธบัตรที่จะออกใหม่ในปีนี้ (Supply) ซึ่งอยู่ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง และอาจมีโอกาสทำให้ Yield ของตราสารระยะยาวปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต (ราคาตราสารหนี้ปรับตัวลดลง) ในขณะที่ Yield ของตราสารระยะสั้นปรับตัวลดลง (ราคาตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น) ตามแรงซื้อโดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติ ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้นักลงทุนกำลังเฝ้าจับตาว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการประกาศใช้มาตรการหรือนโยบายการเงินเพื่อดูแลเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนี้หรือไม่ หลังจากเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วจนเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 18,606 ล้านบาท แต่หากพิจารณาเฉพาะการซื้อขายในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) จะพบว่าเป็นการซื้อสุทธิ 1,138 ล้านบาท ทางด้านของนักลงทุนรายย่อย ถึงแม้จะมีสัดส่วนของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดค่อนข้างน้อย ซึ่งในสัปดาห์นี้มียอดขายสุทธิ 230 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ