ทั้งนี้ ไตรมาส 1/56 แม้ไม่ใช่ช่วง High Season แต่ CPALL ก็มีการจัดโปรโมชั่นให้เข้ากับเทศกาลตรุษจีน ด้วยการออกโปรโมชั่น"อั่งเปา"เชื่อว่าจะกระตุ้นยอดขายได้ อีกทั้งมีการจัดโปรโมชั่นออกมาตลอดทั้งปี เป็นตัวสนับสนุนยอดขายให้กับสาขาเดิมได้เป็นอย่างดี
ส่วนแผนบุกตลาดจีนยังเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น อีกทั้งต้องรอการอนุมัติไลเซ่นส์"7-eleven"ก่อน ซึ่งต้องรอดูความชัดเจนก่อน แต่หาก CPALL สามารถขยายตลาดไปที่จีนได้ก็จะช่วยเพิ่มฐานรายได้และกำไรได้มาก และจุดเด่นของ CPALL คือการมีศักยภาพในการทำตลาดได้ดี
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ในช่วง 11,800-14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ในช่วง 10,400-11,000 ล้านบาท การเติบโตกำไรมาจากยอดขายของสาขาเก่าและสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้น
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท)
บล.ธนชาต ซื้อ 60.00
บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 56.00
บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 51.00
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 51.00
บล.ทิสโก้ ซื้อ 49.50
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 49.00
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ถือ 44.00(กำลังทบทวนประมาณการ)
นายกวี มานิตสุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น CPALL ด้วยราคาเป้าหมาย 51 บาท/หุ้น พร้อมจัดให้เป็นหุ้น Top Pick เนื่องจาก CPALL มีแนวโน้มผลประกอบการที่มีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง จากแผนการขยายสาขาใหม่ปีละ 550 สาขา และยอดขายของสาขาเดิมเติบโตอย่างน้อย 5% โดยปีนี้คาดว่ายอดขายรวมจะเติบโตประมาณ 15% ทั้งจากสาขาเก่าและสาขาใหม่
สำหรับไตรมาส 1/56 แม้จะไม่ใช่ช่วง High Season แต่ CPALL ก็มีการจัดโปรโมชั่นให้เข้ากับเทศกาลตรุษจีน ด้วยการออกโปรโมชั่น"อั่งเปา"ซึ่งจะสามารถกระตุ้นยอดขายได้ อีกทั้ง CPALL ก็ยังมีการจัดโปรโมชั่นออกมาตลอดทั้งปี ตรงนี้เป็นตัวสนับสนุนยอดขายให้กับสาขาเดิมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งร้านสะดวกซื้อเป็นการขายสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งย่อมที่จะมีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องที่ CPALL จะบุกตลาดจีน มองว่ายังเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น ต้องรอดูก่อนว่าจะจับตลาดได้ไหม อีกทั้งไลเซ่นส์ "7-eleven"ถ้าจะเข้าไปทำในจีน ก็คงจะต้องขอเจ้าของอนุมัติก่อน ต้องดูว่าจะทำได้ไหม แต่หาก CPALL สามารถขยายตลาดไปที่จีนได้ก็จะช่วยเพิ่มฐานรายได้ และกำไรได้ด้วยเช่นกัน
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ไว้ที่ 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปี 55 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 11,000 ล้านบาท
ด้าน น.ส.นลิน วิริยะเสถียร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ยังคงจัดให้หุ้น CPALL เป็นหุ้น Top Pick เนื่องจากเป็นบริษัทฯที่มีผลการดำเนินงานเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง จากการทำธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ หรือคอนวีเนียนสโตร์(convenient store)ภายใต้ชื่อร้าน 7-eleven ซึ่งปีนี้จะมีการเปิดสาขาใหม่ 550 สาขา
นอกจากนี้ CPALL มีจุดเด่นในแง่ที่มีการทำตลาดเก่ง พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ไว้ที่ 13,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 10,879 ล้านบาท การเติบโตกำไรมาจากยอดขายของสาขาเก่า และสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายวิจัยอาจจะปรับเพิ่มประมาณการอีกครั้ง ภายหลังจากที่ได้เห็นผลประกอบการงวดไตรมาส 4/55 ก่อน พร้อมกับได้รับทราบข้อมูลจากทางบริษัทฯแล้ว เนื่องจากประมาณการที่ทำนี้เป็นการทำประมาณการในแบบ Conservative
ส่วน น.ส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการของ CPALL อยู่ แต่ประมาณการเดิมได้แนะนำ"ถือ"ด้วยราคาเป้าหมาย 44 บาท/หุ้น ซึ่งเท่าที่ดูแนวโน้มผลการดำเนินงานยังเติบโตดีได้อย่างต่อเนื่อง และในปี 55 อาจจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากงวดไตรมาส 4/55 น่าจะออกมาดี และปี 56 ผลประกอบการก็น่าจะดีต่อเนื่อง
ปีนี้ CPALL คงจะเปิดสาขาใหม่ตามเป้าหมายปีละ 500-550 สาขา และในปี 61 มีแผนที่จะขยายสาขาให้ครบ 10,000 สาขา ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำได้ตามเป้า เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา CPALL ก็สามารถเปิดสาขาใหม่ได้ตามเป้าหมาย
สำหรับประเด็นการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศของ CPALL ล่าสุดจะขยายไปยังประเทศจีน ตรงนี้มองว่าเมื่อมีการออกมาให้ข่าวขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้น ส่วนที่เวียดนามก็เห็นว่าชะลอไปก่อน ทั้งนี้หาก CPALL สามารถขยายตลาดที่จีนได้ก็จะส่งผลดีในระยะยาว ช่วงแรกอาจจะทดลองตลาดก่อนจะขยายในระยะต่อไป ซึ่งหาก CPALL ต้องการก็เชื่อว่าจะขยายตลาดในจีนได้เร็วขึ้น เนื่องจากมีศักยภาพในการทำตลาดได้ดี
ทั้งนี้ ประมาณการเดิมได้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ไว้ที่ 11,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 10,400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไร