ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 49.84 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 13,860.58 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.85 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 1,498.11 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.18 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 3,142.13 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ม.ค.พุ่งขึ้น 38,000 ราย สู่ระดับ 368,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 350,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 330,000 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงซบเซา
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า รายได้ส่วนบุคคลเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 2.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. ปี 2547 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.8% ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ สะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงต้นปีนี้
นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายหลังจากที่สหรัฐเปิดเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นเกินคาด พร้อมกับจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 7.8%
หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ดิ่งลง 2.39% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้ความต้องการการขนส่งบรรจุภัณฑ์ ชะลอตัวลงด้วย ขณะที่หุ้นดาว เคมิคอล ร่วงลง 6.96% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยเกินคาด เนื่องจากยอดขายในตลาดยุโรปหดตัวลง
หุ้นเฟซบุ๊กปรับตัวลง 0.83% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรทรุดฮวบลง 79% ในไตรมาส 4/2555 เนื่องจากต้นทุนการใช้จ่ายที่สูงขึ้น ขณะที่หุ้นควอลคอมม์ ดีดตัวขึ้น 6.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ร่วงลง 5.06% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ตาม หุ้นมาสเตอร์การ์ด ดีดตัวขึ้น 0.47% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2555 เพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทเชฟรอน และเอ็กซอนโมบิล ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ