นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยประจำไตรมาสแรกของปี 2556 ว่า โดยที่การซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมามีสภาวะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์และมูลค่าการซื้อขายปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก.ล.ต. จึงได้หารือร่วมกับสมาคมฯ และได้ข้อสรุปให้ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เข้มงวดและระมัดระวังในการทำความรู้จักลูกค้า (Know-Your-Customer / Customer Due Diligence: KYC/CDD) ทั้งในส่วนฐานะทางการเงิน แหล่งรายได้ และทรัพย์สินที่ลูกค้าได้แสดงไว้
และการพิจารณาให้วงเงินซื้อขายหลักทรัพย์แก่ลูกค้าอย่างเหมาะสมกับฐานะปัจจุบัน เพื่อให้มีความรัดกุมและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีลูกค้าที่ซื้อขายหลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์ต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้าเต็มจำนวน (cash balance) หรือลูกค้าที่มีการโอนหลักทรัพย์ในมูลค่าสูงเพื่อเพิ่มวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ และต่อมาได้โอนหลักทรัพย์ดังกล่าวออกไป
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ที่แท้จริงของลูกค้า ซึ่งจะทำให้การบริหารความเสี่ยงของ บล. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาความเชื่อมั่นต่อระบบโดยรวมได้
รวมถึงให้สมาคมพิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมเกี่ยวกับการโอนหลักทรัพย์ระหว่างลูกค้า เพื่อป้องกันการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือทุจริต พร้อมกันนี้ ได้ตกลงร่วมกันที่จะปรับปรุงแนวทางการทำ KYC/CDD และการพิจารณาให้วงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ที่สมาคมใช้มาตั้งแต่ปี 2550 ให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันต่อไป