บลจ.กรุงศรี เปิดขายกองทุนตราสารหนี้อายุ 6 เดือน คาดผลตอบแทน 3.05%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 4, 2013 16:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M54 (KFFIX6M54) อายุประมาณ 6 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 5 — 11 ก.พ. 56 ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท จ่ายผลตอบแทนประมาณ 3.05% ต่อปี

มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดย ธ.ธนชาต สัดส่วนการลงทุน 15%, ตั๋วแลกเงินออกโดย บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส สัดส่วนการลงทุน 15%, ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Bredesco S.A (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 13%, ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Itau Unibanco S.A (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 13%, เงินฝากธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 22% และเงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์) สัดส่วนการลงทุน 22%

โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.05% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป"

"กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M54(KFFIX6M54) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน"

สำหรับภาวะตลาดโลกในส่วนของยุโรป นักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นต่อธนาคารในยุโรปหลังธนาคารกลางยุโรประบุว่าธนาคารในยุโรปจะจ่ายคืนเงินกู้มากกว่าที่คาด และผลสำรวจบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นในเดือนมกราคม ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯหดตัวร้อยละ 0.1 ในไตรมาส 4/55 โดยเป็นผลจากการลดลงของการใช้จ่ายภาครัฐและการเพิ่มสต็อก ในขณะที่การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนยังคงแข็งแกร่ง ตัวเลขยอดขายบ้านเดือนธันวาคมออกมาต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อยในขณะที่ราคาบ้านยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี ถึงแม้ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมามีทั้งดีและไม่ดี และเฟดคงท่าทีที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายต่อไป แต่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯกลับชันมากขึ้นโดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารอายุ10 ปีอยู่ที่ร้อยละ 2

ในส่วนของตลาดภายในประเทศได้มีแรงไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยของไทยเป็นสิ่งที่ดึงดูดเงินทุนไหลเข้า ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะมีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจไม่ช่วยสกัดเงินทุนไหลเข้าได้มากนักเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ดึงดูดเงินทุน

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ปิดลดลงร้อยละ 0.0-1 — 0.03 โดยข้อมูลเศรษฐกิจในส่วนของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 3.1 จากเดือนก่อนหน้าในเดือนธันวาคม และปริมาณการใช้กำลังการผลิตลดลงสู่ร้อยละ 63.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมแสดงถึงการอ่อนตัวในทุกหมวดและสอดคล้องกับยอดส่งออกที่ลดลง ทางด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.39 และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ1.59 ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ