ทริสฯคงเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ CPN ที่"A+"เพิ่มแนวโน้มเครดิตเป็น"Positive"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 5, 2013 09:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ที่ระดับ “A+" พร้อมทั้งเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Positive" หรือ “บวก" จาก “Stable" หรือ “คงที่" ซึ่งแนวโน้มอันดับเครดิตที่เปลี่ยนแปลงสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ดีขึ้นจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่หลายแห่งในต่างจังหวัด และการกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive" หรือ “บวก" ยังสะท้อนถึงความสำเร็จของศูนย์การค้าที่เปิดใหม่ และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน (รวมค่าเช่าที่ดินตลอดอายุสัญญาเช่า) ให้อยู่ในระดับ 55%-60% แม้บริษัทจะมีแผนการใช้เงินลงทุนจำนวนมากก็ตาม ในทางตรงข้าม หากสถานะทางการเงินของบริษัทถดถอยลงอย่างมากก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีการปรับลดอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตลง

ในขณะที่อันดับเครดิตระดับ “A+" ยังคงสะท้อนสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์การค้า ตลอดจนผลงานในการบริหารศูนย์การค้าที่มีคุณภาพสูง กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ และนโยบายทางการเงินที่มีความระมัดระวัง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความต้องการเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อใช้รองรับแผนการขยายธุรกิจของบริษัทในช่วงปี 2556-2560 ด้วย

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เป็นผู้พัฒนาศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโดยมีตระกูลจิราธิวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 32% รองลงมาคือ บริษัท เซ็นทรัล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกของไทย (27%) การเป็นสมาชิกในเครือเซ็นทรัลทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการมีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเป็นร้านค้าหลักภายในศูนย์การค้าของบริษัท ณ เดือนธันวาคม 2555 บริษัทเป็นผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้าจำนวน 20 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และในจังหวัดสำคัญโดยมีพื้นที่ค้าปลีกรวม 1,121,527 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทคงความเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารศูนย์การค้าในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง

บริษัทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากการมีอัตราการเช่าพื้นที่ในระดับสูงและรายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าเดิมที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ บริษัทมีอัตราการเช่าศูนย์การค้าโดยเฉลี่ยที่ระดับ 97.3% ต่อปีในช่วงปี 2551 ถึง 9 เดือนแรกของปี 2555 ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 92.6% บริษัทเปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่งในปลายปี 2555 ได้แก่ เซ็นทรัล พลาซา สุราษฎร์ธานี และเซ็นทรัล พลาซา ลำปาง ศูนย์การค้าดังกล่าวมีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 99% และ 98% ตามลำดับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 รายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าเดิมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้น 9% ในปี 2554 และ 11% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 รายได้ค่าเช่าและบริการของบริษัทสูงขึ้นเป็น 10,853 ล้านบาทในปี 2554 เพิ่มขึ้น 10% จาก 9,822 ล้านบาทในปี 2553 สาเหตุหลักมาจากการกลับมาเปิดให้บริการของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ภายหลังจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อต้นปี 2553 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 รายได้ค่าเช่าและบริการเพิ่มถึงจุดสูงสุดที่ 11,284 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการกลับมาเปิดให้บริการของศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าวหลังจากการปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ รวมทั้งจากการเปิดส่วนขยายของศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา อุดรธานี และผลการดำเนินงานเต็มปีของศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา แกรนด์ พระราม 9

อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ค่าเช่าและค่าบริการและรายได้จากการขายของบริษัทเท่ากับ 51.91% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เพิ่มขึ้นจาก 42.24% ในปี 2554 และ 40.50% ในปี 2553 โดยความสามารถในการทำกำไรและผลการดำเนินงานดีขึ้นในทุกศูนย์การค้า กระแสเงินสดของบริษัทได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นและการให้เช่าช่วงอาคารสำนักงาน “ดิ ออฟฟิสเซส แอท เซ็นทรัลเวิลด์" แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทำให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมดีขึ้นเป็น 14.81% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 จากประมาณ 12% ในช่วงปี 2553 และ 2554 อย่างไรก็ตาม การลงทุนเปิดศูนย์การค้าใหม่จำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงขึ้นเป็น 60%-64% ในช่วงปี 2553-2555 บริษัทมีความต้องการใช้เงินลงทุนประมาณ 10,000-14,000 ล้านบาทต่อปีในอีก 3 ปีข้างหน้าเพื่อพัฒนาและเปิดศูนย์การค้าใหม่ให้เพิ่มเป็น 30 แห่งภายในปี 2558 ทั้งนี้ บริษัทยังคงนโยบายในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนให้ต่ำกว่า 1 เท่า โดยบริษัทจะจัดหาเงินลงทุนดังกล่าวจากหลายแหล่ง ทั้งจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การกู้ยืม และการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ