AKP ได้รับสิทธิจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ให้บริหารและประกอบการศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม หรือเตาเผาขยะอุตสาหกรรม อำเภอบางปู จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีระยะเวลาการบริหารและประกอบการศูนย์ฯ เป็นเวลา 20 ปี (สิ้นสุดวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2571) และมีสิทธิขอต่ออายุสัญญาได้อีก 10 ปี ซึ่งศูนย์ฯ ถือเป็นเตาเผาแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่สามารถเผาขยะอุตสาหกรรมอันตราย ทั้งในรูปก๊าซ ของเหลว กากตะกอน ของแข็ง และขยะติดเชื้อ โดยมีความสามารถให้บริการกำจัดสิ่งปฏิกูลทั้งที่อันตรายและไม่อันตรายได้ 120,000 ตันต่อปี
ทั้งนั AKP มีทุนชำระแล้ว 202 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 320 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 84 ล้านหุ้น โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้น BWG จำนวน 21 ล้านหุ้น เมื่อ 23 - 25 มกราคม 2556 และเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 63 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 28-30 มกราคม 2556 ในราคาหุ้นละ 2 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 168 ล้านบาท โดยมี บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวันชัย เหลืองวิริยะ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ AKP เปิดเผยว่า AKP เป็นผู้ประกอบธุรกิจบริหารศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นเตากำจัดกากอุตสาหกรรมอันตรายที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมแห่งเดียวในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่การบริหารจัดการจำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในธุรกิจเป็นอย่างดี จึงถือเป็นธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่งขันโดยตรงในตลาด การระดมทุนผ่านตลาดทุนในครั้งนี้จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของธุรกิจของ AKP ในอนาคต
หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ AKP 3 รายแรก ได้แก่ BWG 51.18% นายธนดล รักษาบุญ 24.75% และบริษัท ยามาเซ็น โฮลดิ้งส์ จำกัด 2.72% ราคา IPO ของ AKP ในราคาหุ้นละ 2 บาท ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 18.18 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้น 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2554 - 30 กันยายน 2555) เท่ากับ 44.82 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully diluted) ซึ่งเท่ากับ 404 ล้านหุ้น คิดเป็นกำไรสุทธิเท่ากับ 0.11 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนด