นายปลิว ยังคาดว่าบริษัทมีโอกาสได้งานใหม่ปีละประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาทในช่วง 4-5 ปีนี้ โดยเฉพาะจากงานภาครัฐที่ทยอยเปิดประมูลโครงการเมกะโปรเจ็คต์ของกระทรวงคมนาคม รวมระบบราง มูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท และโครงการจัดการบริหารจัดการน้ำ
"ถือว่าช่วงนี้เป็น Supercycle ของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง นอกจากนี้ยังเห็นโอกาสรับงานก่อสร้างในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม ที่มีความจำเป็นสร้างโครงสร้างพื้นฐาน" นายปลิว กล่าว
ทั้งนี้ คาดรายได้ในปี 56 ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท จากปี 55 คาดมีรายได้ 1.8 หมื่นล้านบาทที่เพิ่มจากปีก่อนหน้ามีรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในปี 57 จะมีรายได้ทำสถิติสูงสุดจากก่อนปี 40 เคยทำรายได้สูงถึง 2.7 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน คาดว่า ปี56 จะมีอัตรากำไรขั้นต้น 8-10% สูงกว่าปีก่อนที่มีอัตรา 8-9% จากที่มีงานเก่าอยู่ และจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น 8-10% ไปต่อเนื่อง พร้อมเชื่อว่าราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่ปรับขึ้นไม่ได้เพิ่มภาระต้นทุนมากนัก
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะได้ข้อยุติการเจรจาซื้อขายไฟฟ้ากับรัฐบาลลาวไม่เกินไตรมาส 3/56 ซึ่งบริษัทได้รับสัมปทานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำมจากเขื่อน้ำบากจากรัฐบาลลาว อายุ 27-29 ปี ขนาดกำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปี
*ปรับโครงสร้างการเงินเพิ่มขีดความสามารถรับงานอนาคต
ในวันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญของ CK ได้อนุมัติการขายหุ้น บมจ.น้ำประปาไทย(TTW) ให้กับบมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) จำนวน 438.9 ล้านหุ้น คิดเป็น 11% ของทุน รวมเป็นเงินจำนวน 3.3 พ้นล้านบาท โดยจะเข้ามางวดแรก 2.2 พันล้านบาท ที่เหลือจะทยอยจ่ายเป็น 5 งวด ให้เสร็จภายในเม.ย. 58
ทั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้คืนหนี้ประมาณ 2 พันล้านบาท ที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนเหมุนเวียน
CK เหลือสัดส่วนถือหุ้นใน TTW จำนวน 19% จะรับรู้ในรูปเงินปันผล จากก่อนหน้าถือ 30% ซึ่งรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไร
นายปลิว กล่าวว่า การขายหุ้น TTW เป็นการขายในราคา 7.55 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นการขายครั้งเดียว การขายครั้งนี้ทำให้บริษัทสามารถปรับโครงสร้างทางการเงิน ช่วยทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนหลังการขายหุ้นดังกล่าว ลดลงมาที่ 1.33 เท่า จากก่อนขายมี D/E อยู่ที่ 2.64 เท่า รวมทั้ง บริษัทปรับการบันทึกบัญชีหุ้นของ TTW จากเดิมบันทึกราคาต้นทุนที่หุ้นละ 2.49 บาท หรือรวม 4.7 พันล้านบาท เป็นบันทึกตามมูลค่าตลาด จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านบาท จากเดิม 7.9 พันล้านบาท
"อย่างน้อย 5 ปีข้างหน้าจะมีออกมามาก เราต่อไปได้อีก 5-10 ปีที่มีงานเข้ามาอย่างนี้ เราจึงต้องเตรียมคน เตรียมด้านการเงิน ถือโอกาสปรับโครงสร้างการเงินถูกลงทำให้เรามีโอกาสรับงานในไทยที่จะออกมามากขึ้น รวมทั้งเตรียมที่จะรับงานในลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม เมื่อเราเพิ่มขีดความสามารถตัวเรา เราก็จะมีโอกาสมากขึ้น...เราจะเป็น Regional Player" นายปลิว กล่าว
นอกจากนี้ เห็นโอกาสงานในภูมิภาคนี้แล้ว บริษัทก็มองและสนใจงานต่างประเทศอื่น ได้แก่ ในอินเดีย ประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง และศรีลังกา โดย ในปีนี้บริษัทมีรายได้จากต่างประเทศ ประมาณ 40% ของรายได้ ซึ่งมาจากโครกงารฝายน้ำล้นไซยะบุรีในลาว จากปีก่อนรับรู้ 20%
สำหรับความคืบหน้าการนำหุ้น บมจ.ซีเคพาวเวอร์ (CKP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นายปลิว กล่าวว่า อยู่ระหว่างการเตรียมยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายใน 1-2 สัปดาห์หน้า และคาดว่า ก.ล.ต.จะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 เดือนก่อนจะขายหุ้น IPO ส่วนกรณีที่ผู้ถือหุ้น CK สนใจและจะขอใช้สิทธิซื้อหุ้น IPO จะนำไปหารือกับตลาดหลักทรัพย์ก่อนว่าจะทำได้หรือไม่อย่างไร