นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 1.07 พันล้านบาท จากโครงการหอพักนักศึกษายูนิลอฟท์เชียงใหม่และศาลายา ซึ่งทั้งสองโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จและคาดว่าจะตั้งกองทุนได้ในครึ่งปีแรก
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 1.9 หมื่นล้านบาท เติบโต 36% จากปี 55 ที่ทำได้ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นเป้าหมายโครงการแนวราบ 9.69 พันล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม 9.31 พันล้านบาท ครึ่งปีแรกบริษัทจะเปิดตัว 7 โครงการใหม่ และครึ่งปีหลังอีก 14 โครงการ มูลค่ารวม 2.75 หมื่นล้านบาท โดยมีการขยายโครงการไปในต่างจังหวัดเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมหัวหิน นอกเหนือจากหอพักนักศึกษาที่เคยพัฒนามาแล้ว
นายชายนิด กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลมีแผนเร่งรัดการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมหลายเส้นทาง ส่งผลโดยตรงต่อแลนด์แบงก์ของบริษัทที่อยู่บนทำเลใกล้รถไฟฟ้ารวม 2.2 พันไร่ คิดเป็นมูลค่าการพัฒนากว่า 7.1 หมื่นล้านบาท รองรับการพัฒนาโครงการอีก 3 ปี
บริษัทยังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงินหลัก ทั้งธนาคารกรุงไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ซึ่งบริษัทยังได้ปรับลดงบลงทุนซื้อที่ดินเหลือปีละ 2 พันล้านบาท และมีนโยบายรักษาระดับหนี้สอนต่อทุนที่ 1.5 เท่า นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทจะออกหุ้นกู้มูลค่า 4 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นครึ่งปีแรก 2 พันล้านบาท และครึ่งปีหลัง 2 พันล้านบาท โดยจะเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินงาน
นายชายนิด กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าปีนี้อัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ 10-11% จากปีที่แล้วอยู่ที่อัตรา 3% เนื่องจากบริษัทมีการปรับลดค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาจาก 4% เหลือ 3% และลดงบซื้อที่ดินในปีนี้เหลือ 2 พันล้านบาทจากปีก่อน 3 พันล้านบาท
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35% เป็นผลจากโครงการบ้านเดี่ยวมาสเตอร์พีซ ซึ่งเป็นบ้านราคาระดับสูง ที่ให้อัตรากำไรขั้นต้น 37-38% ขณะที่โครงการไอคอนโดมิเนียมมีอัตรากำไรขั้นต้น 31%
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดินย่านแจ้งวัฒนะ 30-50 ไร่ ในราคาไร่ละ 4-5 ล้านบาท จากที่มี 700 ไร่ ให้กับผู้ซื้อต่างประเทศจากอังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยจะนำที่ดินไปสร้างโรงเรียนนานาชาติ ขณะที่บริษัทมีราคาต้นทุนไร่ละ 2 ล้านบาท
บริษัทคาดว่าในปีนี้จะปรับขึ้นราคาขายโครงการบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม ประมาณ 3-5% เนื่องจากต้นทุนค่าก่อสร้างสูงขึ้น รวมทั้งค่าแรงงานปรับเพิ่มขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้คาดว่าจะปรับขึ้นราคาน้อยกว่าบริษัทอื่นเพราะบริษัทมีต้นทุนที่ดินต่ำกว่าบริษัทอื่น
นายชายนิด กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างทำแผนสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งจะมีการขออนุมัติต่อคณะกรรมการบริษัทในช่วงเดือนมี.ค.ที่จะถึงนี้ และอยู่ระหว่างศึกษาการขยายโครงการไปจังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ต เนื่องจากมองว่าหากเกิดโครงการไฮสปีดเทรนจะเป็นโอกาส
ส่วนกรณีที่บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์นีฟ (F&N) ส่งผลให้กลุ่มของนายเจริญ กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 40% ในบริษัทกรุงเทพบ้านและที่ดิน ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ PF นั้น นายชายนิด ยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นออก แต่จะหาแนวทางบริหารงานร่วมกัน คาดว่าจะมีการหารือกันหลังตรุษจีน