ขณะเดียวกันในปี 56 บริษัทจะใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในซอฟต์แวร์ และ ฮาร์ดแวร์ ในการพัฒนาระบบ digital video on demand และเพิ่มคอนเทนท์ใหม่ๆเข้ามา โดยจะใช้เงินลงทุนมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ในการจัดหาคอนเทนท์จากต่างประเทศใหม่ๆเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และจะลงทุนในธุรกิจสื่อใหม่ๆ ที่มองว่ามีอัตราการเติบโตที่สูง โดยคาดว่าจะเริ่มได้ในช่วงไตรมาส 2/56 ซึ่งจะใช้เงินในการลงทุน 100 ล้านบาท โดยในส่วนนี้คาดว่าจะมีกำไรประมาณ 20-30% และยังมีแผนเพิ่มจุดจำหน่ายที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท
นายสามารถ กล่าวว่า บริษัทจะเร่งเพิ่มยอดการใช้จ่ายต่อครั้งในการซื้อสินค้าโฮมเอนเตอร์เทนเม้นให้มากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันที่มียอดใช้จ่ายประมาณ 170 บาท/บิล ด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่ๆในกลุ่มบันเทิงที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับภาพรวมตลาดโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์ในปี 56 บริษัทมองว่ายังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องจากปี 55 ที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากอีตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศยังเติบโตได้ดี ทำให้เชื่อว่าจะส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคให้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทได้วางเป้าหมายจะขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าประเภท โฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์ โดยนอกจากจะใช้จุดเข็งจากจุดจำหน่าย บริษัทยังมีความพร้อมทางด้านเงินทุน รวมถึงชื่อเสียงภาพลักษณ์ของบริษัท