ในวันที่ 7 ก.พ. 56 ทางกมธ.สื่อสารฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเรื่องดาวเทียมเข้าชี้แจง ประกอบด้วย พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช.และ ประธาน กทค., นายสุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการ กสทช.และ กทค.ด้านกฎหมายในกิจการโทรคมนาคม, ตัวแทนจากกระทรวงไอซีที นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา รองปลัดกระทรวงฯ, นายสุธี อักษรกิตติ์ ประธานกรรมการสาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมการวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ซึ่งเป็นนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านดาวเทียมของประเทศไทย, นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และ ผู้แทนจาก มจ.ไทยคม เข้าร่วมชี้แจง
จากการชี้แจงของผู้เข้าร่วมประชุม ทำให้เกิดความชัดเจนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกรณีการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมดาวเทียมให้แก่บมจ.ไทยคม ของ กสทช. โดยสรุปเป็นประเด็นหลักๆ ได้แก่ การออกใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียมของ กสทช. เป็นกรณีการออกใบอนุญาตเพื่อประกอบกิจการ ไม่ใช่เป็นการออกใบอนุญาตเพื่อให้ใช้คลื่นความถี่ จึงไม่ต้องประมูลคลื่นความถี่แต่อย่างใด หากต่อไปผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นไทยคมหรือรายอื่นๆ จะมีการใช้คลื่นเพื่อรับส่งสัญญาณในประเทศไทยเพื่อให้บริการโทรคมนาคมก็จะต้องผ่านวิธีการประมูลคลื่นความถี่ ตามบทบัญญัติในมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ
ตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมไม่ได้เป็นสิทธิหรืออธิปไตยของประเทศหนึ่งประเทศใด แต่เป็นทรัพยากรร่วมของทุกประเทศ การใช้งานวงโคจรดาวเทียมจึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (หรือไอทียู) ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ดำเนินการ ดังนั้น วงโคจรดาวเทียมจึงไม่ได้อยู่ในอำนาจของ กสทช. และไม่สามารถจะนำมาประมูลคลื่นความถี่ตามมาตรา 45
กสทช. ไม่ได้พิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียมแก่บริษัทไทยคมฯ เป็นการเฉพาะ หากต่อไปมีผู้ประกอบการรายอื่นมาขอใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการดาวเทียม กสทช. ก็จะพิจารณาในเงื่อนไขและหลักการเดียวกัน กล่าวคือ หากผู้ประกอบการมีความพร้อมและมีคุณสมบัติตามกฎหมาย ก็จะได้รับใบอนุญาต เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว ผู้ประกอบการก็เข้าสู่กระบวนการระหว่างประเทศของไอทียูผ่าน กสทช.และกระทรวงไอซีที เพื่อให้สามารถมีวงโคจรดาวเทียมใช้งานได้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้ เป็นแนวทางที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยมีโอกาสมีวงโคจรดาวเทียมเพิ่มขึ้นและมีผู้ประกอบการมากรายขึ้น และเป็นแนวทางการออกใบอนุญาตผู้ประกอบการดาวเทียมที่ประเทศต่างๆ ใช้กันอยู่โดยทั่วไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการอภิปรายกันถึงข้อจำกัดของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ที่กำหนดว่าการจัดสรรคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรคมนาคมต้องใช้วิธีการประมูลคลื่นความถี่เท่านั้น ตามความเป็นจริงไม่สามารถใช้ได้ในทุกกรณี กฎหมายที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจึงยังเป็นปัญหาอยู่และควรจะต้องมีการพิจารณาแก้ไขให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของการประกอบกิจการโทรคมนาคมของประเทศต่อไป