ส่วนกรอบล่างของดัชนีในปีนี้มองไว้ไม่ต่ำกว่า 1,400 จุด แต่ยังต้องรอดูปัจจัยอื่น เช่น เศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป และ ญี่ปุ่นที่จะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ หากดีขึ้นก็อาจมีการนำเงินกลับไปลงทุนประเทศนั้นๆ
สำหรับภาวะตลาดปัจจุบันทิศทางที่มีการปรับตัวขึ้นไปมองว่าเป็นผลมาจากวิกฤตในสหรัฐและยุโรปที่ยังไม่ได้ดีมากนัก ถึงแม้จะมีการปรับตัวดีขึ้นมาบ้าง แต่การที่หลายๆคนกังวลว่าจะเกิดวิกฤติการณ์เหมือนปี 1994 ที่ดัชนี SET ปรับขึ้นไปถึงกว่า 1,700 จุดนั้น นายมนตรี มองว่าในช่วงนั้นมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ 3.5 ล้านล้านบาท แต่มีส่วนสินเชื่อมาร์จิ้น 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งสูงมาก แตกต่างจากปัจจุบันที่มูลค่าตลาดรวมที่ 12 ล้านล้านบาท แต่มีสินเชื่อมาร์จิ้นเพียง 4.5 หมื่นล้านบาท หรือ 1 ใน 3 ของมูลค่าตลาดรวม มองว่าไม่มาก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังต้องจับตากระแสเงินจากต่างประเทศ ซึ่งในสหรัฐแม้จะมี QE4 แต่ก็ระมัดระวังไม่ให้อัตราเงินเฟ้อเกิน 2.5% ปัจจุบันก็ยังมีเงินออกมามาก